กรมควบคุมโรค 3 มค..-กรมควบคุมโรค เตือนช่วงพายุและฝนตกหนัก ขอให้ประชาชนระมัดระวังอุบัติเหตุจากลมพายุ จมน้ำ และสัตว์มีพิษกัดต่อย
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงนี้ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนปาบึก ส่งผลให้เกิดลมพายุ ฝนตกหนักและน้ำท่วม กรมควบคุมโรคขอให้ประชาชนระมัดระวังภัยสุขภาพเช่น อันตรายจากลมพายุ อุบัติเหตุจากการจราจร การจมน้ำ และสัตว์มีพิษมีพิษกัดต่อย เป็นต้น
ส่วนการเตรียมความพร้อมรับมือกับลมพายุ นั้น หากอาศัยอยู่ริมน้ำหรืพื้นที่เสี่ยง ควรรีบเคลื่อนย้ายไปพื้นที่ปลอดภัย โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วย / จัดเตรียมน้ำ อาหารแห้ง ไฟฉาย ยารักษาโรคให้พร้อม /ในช่วงฝนตกหนักและมีลมพายุ ขอให้หลีกเลี่ยงอยู่กลางแจ้ง ไม่อยู่ใกล้ต้นไม้สูง เสาไฟฟ้า ป้ายโฆษณา ควรหลบในตัวอาคารที่มีความมั่นคง ไม่ควรใช้โทรศัพท์ และหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด ในขณะที่ฟ้าร้องฟ้าผ่า
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องขับขี่ยานพาหนะขอให้ประเมินสถานการณ์อย่างถี่ถ้วน เพื่อความปลอดภัย และภายหลังการเกิดลมพายุไม่ควรเข้าไปใกล้บริเวณสิ่งหักพัง หากพบเห็นผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ขอให้โทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพ1669 ทันที /นอกจากนี้ ควรเฝ้าระวัง โรคฉี่หนู โรคทางเดินหายใจ และโรคอุจจาระร่วง
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับพื้นที่ฝนตกหนักให้เตรียมรับมือกับน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง โดยขอให้ติดตามข่าวสารจากหน่วยงานของรัฐอย่างใกล้ชิด เตรียมความพร้อมในทุกด้านเพื่อป้องกันความสูญเสีย ป้องกันการจมน้ำ และขอให้ยึดหลัก “3 ห้าม 2 ให้” โดย 3 ห้าม ได้แก่ 1.ห้ามเล่นน้ำ 2.ห้ามหาปลา/เก็บผัก 3.ห้ามดื่มสุรา และ 2 ให้ ได้แก่ 1.ให้สวมเสื้อชูชีพ (หรือนำอุปกรณ์ที่ลอยน้ำได้ติดตัวไปด้วย เช่น ถังแกลลอน/ขวดน้ำพลาสติกเปล่าปิดฝา) และ 2.ให้เดินทางเป็นกลุ่ม เพื่อคอยดูแลกันและกัน
นอกจากนี้ ให้ระวังสัตว์มีพิษกัดต่อย เช่น งู ตะขาบ แมงป่อง ที่หนีน้ำมาหลบซ่อนอาศัยอยู่ตามมุมมืดต่างๆ ของบ้าน เช่น รองเท้า ตู้เก็บของ ครัว เป็นต้น โดยหลังจากฝนตกควรตรวจสอบในจุดต่างๆ เพื่อป้องกันสัตว์มีพิษเข้าบ้าน และควรป้องกันไม่ให้สัตว์มีพิษกัดต่อย โดยไม่เข้าไปในที่รก ไม่แช่น้ำเป็นเวลานาน หากต้องลุยน้ำควรแต่งกายให้มิดชิด ใส่กางเกงขายาว สวมถุงพลาสติกหุ้มเท้าและหุ้มปลายขากางเกงทั้งสองข้างแล้วรัดด้วยเชือกหรือยาง เพื่อป้องกันสัตว์มีพิษเข้าไปในกางเกง ทั้งนี้ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422.-สำนักข่าวไทย