อพยพชาวแท่นรับมือ “ปาบึก”

กรุงเทพฯ 2 ม.ค. – กรมเชื้อเพลิงฯ ประสานผู้สำรวจและผลิตปิโตรเลียม อพยพพนักงานรับ “ปาบึก” ตามแผนความปลอดภัย ระบุไม่กระทบความมั่นคงพลังงาน ด้านเชฟรอนฯ-ปตท.สผ.เกาะติดรับภาวะฉุกเฉิน


แท่นสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยมีทั้งหมด 420 แท่น มีพนักงานรวม ๆ 3,000-4,000 คน มีกำลังผลิตก๊าซธรรมชาติประมาณ  2,400 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน และน้ำมันประมาณ 100,000 บาร์เรล โดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติและผู้ประกอบการมีแผนรับมืออุบัติภัย เช่น พายุ และอื่น ๆ ซึ่งขณะนี้มีการอพยพเจ้าหน้าที่เพื่อรับมือผลกระทบพายุโซนร้อน “ปาบึก” (PABUK) ที่กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ระบุว่าพายุโซนร้อนปาบึกจะมีผลกระทบต่อภาคใต้ในช่วงวันที่ 3-5 มกราคม 2562 โดยมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง 

นางเปรมฤทัย วินัยแพทย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า กรมฯ ได้ประสานงานกับผู้ผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยผ่านห้องปฏิบัติการหรือวอร์รูม โดยขณะนี้ผู้ผลิตในอ่าวไทยตอนล่าง หรือตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงมาได้ทยอยอพยพพนักงานกลับขึ้นฝั่ง เช่น บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต  ซึ่งตามแผนงานได้เน้นย้ำถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญที่สุด ขณะที่กำลังผลิตไม่กระทบความมั่นคงพลังงาน การผลิตก๊าซฯ ยังปกติ ส่วนการผลิตน้ำมันลดลงเล็กน้อย สำหรับขั้นตอนอพยพพนักงานจะแบ่งเป็นส่วนสำคัญเกี่ยวข้องน้อยที่สุดออกมาก่อน และหากเหตุการณ์ไม่รุนแรงมากจะยังคงพนักงานในส่วนของพนักงานรับมือฉุกเฉินเฉพาะแท่นผลิตประมาณ 10 คนต่อแท่นไว้ แต่หากพบว่าพายุมีความรุนแรง ก็จะพิจารณาว่าจะอพยพคนทั้งหมดหรือไม่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยจะแบ่งเป็น 2 โซนหลัก ได้แก่ โซนอ่าวไทยตอนบน นับจากจังหวัดนครศรีธรรมราชขึ้นไป ซึ่งพบว่าแท่นผลิตและพนักงานไม่ได้รับผลกระทบ ไม่ต้องมีการอพยพแต่อย่างใด ส่วนอ่าวไทยตอนล่าง หรือตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงมาขณะนี้พื้นที่แท่นผลิตคาดการณ์ว่าจะอยู่ในโซนเตือนภัยระดับสีเหลือง (ระดับ 2 ) ขึ้นไป จึงมีการอพยพ  โดยโซนของแหล่งที่ ปตท.สผ.ดูแล คือ แหล่งอาทิตย์ แหล่งบงกชเหนือ และแหล่งบงกชใต้ เป็นระดับสีส้ม (ระดับ 3 ) ขณะนี้ ปตท.สผ.กำลังพิจารณาว่าจะอพยพพนักงานรับมือฉุกเฉินทั้ง 3 แท่นผลิต ประมาณ 30 คน ขึ้นฝั่งหรือไม่ โดยลำดับโซนเตือนภัยจะแบ่งเป็น 4 สี หรือ 4 โซนตามลำดับความรุนแรงของพายุ จากระดับน้อยไปมาก ได้แก่ โซนสีเขียว, สีเหลือง , สีส้ม และสีเแดง โดยจะเริ่มอพยพตั้งแต่โซนสีเหลืองเป็นต้นไป

ในวันนี้ (2 ม.ค.)  เชฟรอนฯได้ออกแถลงการณ์ ว่าได้จัดตั้งทีมงานจัดการกับสภาวะฉุกเฉิน เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และอยู่ระหว่างการดำเนินการอพยพพนักงานส่วนใหญ่ขึ้นฝั่ง รวมทั้งเคลื่อนย้ายแท่นขุดเจาะและเรือสนับสนุนต่าง ๆ ไปยังสถานที่ที่ปลอดภัย โดยได้เริ่มดำเนินการดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา และคาดว่าจะเสร็จภายใน 1-2 วัน ตามขั้นตอนของแผนความปลอดภัยของบริษัทฯ  


ทั้งนี้ ความปลอดภัยของพนักงานเป็นสิ่งที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ขณะนี้พนักงานปฏิบัติงานนอกชายฝั่งทุกคนปลอดภัย และการดำเนินงานของเชฟรอนในอ่าวไทยได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งทางบริษัทฯ ได้มีมาตรการเพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว ขณะนี้บริษัทฯ ได้ระงับการเดินทางออกไปยังฐานปฏิบัติงานนอกชายฝั่งไว้ชั่วคราว จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

เชฟรอนฯ ได้จัดตั้งศูนย์ข้อมูลครอบครัวพนักงานขึ้น โดยสมาชิกครอบครัวของพนักงานที่มีความกังวลหรือมีข้อสงสัย สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ 02-545-5035

ด้านปตท.สผ. ออกแถลงการณ์วานนี้ (1 ม.ค.) เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง และได้ส่งพนักงานและผู้รับเหมาบางส่วนที่ไม่สามารถปฏิบัติงานเนื่องด้วยสภาพอากาศดังกล่าวกลับขึ้นฝั่งที่จังหวัดสงขลา ระงับการเดินทางไปยังฐานปฏิบัติการนอกชายฝั่ง ระงับกิจกรรมการสำรวจและการซ่อมบำรุงไว้ชั่วคราว เคลื่อนย้ายแท่นเจาะและเรือสนับสนุนต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบออกจากบริเวณพายุดีเปรสชั่นตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2561 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถานการณ์พายุดังกล่าวยังไม่ส่งผลกระทบกับการผลิตก๊าซฯ ปตท.สผ.ยังคงดำเนินการผลิตก๊าซฯ จากแหล่งต่าง ๆ ของ ปตท.สผ. เพื่อเป็นพลังงานให้กับประเทศจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ พล.ท.บุญสิน เป็นทหารราชองครักษ์พิเศษ

กทม. 27 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายทหาร-นายตำรวจ เป็นราชองครักษ์พิเศษ 38 นาย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 อยู่ในลำดับที่ 20 เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ จำนวน 38 นาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 มาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติราชองครักษ์ พุทธศักราช 2480 มาตรา 4 มาตรา 5 และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัตินายตำรวจราชสำนัก พ.ศ. 2495 และข้อ 6 ของระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการแต่งตั้งราชองครักษ์ พ.ศ.2559 .-313.-สำนักข่าวไทย

ไฟไหม้ จยย. ลามวอดทั้งลานจอด

กทม. 27 ก.ย.-วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟไหม้รถจักรยานยนต์ที่ลานจอด ก่อนลุกลามระเบิดวอดรถจักรยานยนต์ 29 คัน รถยนต์ 3 คัน และจักรยาน 3 คัน วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟเริ่มลุกไหม้รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ด้านในสุด ก่อนจะลุกลามมาคันข้างๆ และระเบิด จนควันปกคลุมไปทั่ว แล้วไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รถจักรยายนต์ที่จอดอยู่เสียหายถึง 29 คัน รถยนต์ 2 คัน รถกระบะ 1 คัน และจักรยานอีก 3 คัน เหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาประมาณ 01.40 น. เช้าวันนี้ (27 กย.68) ที่ลานจอดรถ ของพี.อาร์.เค แมนชั่น ใกล้ปากซอยสุขสวัสดิ์ 17 เเขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งเข้าช่วยเหลือฉีดน้ำสกัดท่ามกลางเปวดพลิงที่และกำลังลุกลามต่อเนื่องไปยังลานจอดรถยนต์ด้านในอาคาร โดยใช้เวลานานกว่า 20 นาที จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ซึ่งรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่เสียหายทั้งหมด เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุ ต้องรอให้เจ้าหน้าส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเปิดฉากยิงป่วน 2 พื้นที่ ปราสาทตาควาย-ช่องบก

26 ก.ย. – กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยแล้ว 2 จุด บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ และเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี เวลาประมาณ 16.40 น. รับแจ้งจากหน่วยทหารในพื้นที่ ระบุว่า บริเวณเนิน 350 พื้นที่ประสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง และพื้นที่ “จุ๊บอั่งกุย” ได้ยินเสียงปืนเล็ก 5-6 นัด คาดว่าเป็นการก่อเหตุยั่วยุจากทางฝั่งกัมพูชา ล่าสุดเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยทหารในพื้นที่ ขณะที่บริเวณเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่า ไทยถูกกัมพูชายิงระเบิดใส่จริง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ เก็บหลักฐานไปประท้วง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยรักษาความลับราชการ ไม่เผยแพร่ภาพพิกัดยุทโธปกรณ์ของทหาร.-สำนักข่าวไทย

กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกช่วยงานประธานรัฐสภา

กทม 26 ก.ย.- กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกไปช่วยงานประธานรัฐสภา ชี้นโยบายชัด ปลัดอำเภอใหม่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่จริง เพื่อสั่งสมประสบการณ์ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังที่ มท 302.13481 ถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เรื่องขอยืมตัวข้าราชการช่วยราชการ โดย อ้างถึง หนังสือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ด่วนที่สุด ที่ สผ001.02/479 ลงวันที่ 25 กันยายน 2568 โดยมีรายละเอียดว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งว่า มีความประสงค์ขอยืมตัวข้าราชการสังกัดกรมการปกครองราย ร้อยตำรวจเอกหญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก ตำแหน่ง นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมการปกครอง มาช่วยราชการที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในส่วนงานของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย อีกหน้าที่หนึ่ง โดยไม่ขาดจากตำแหน่งหน้าที่เดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่1ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป นั้น กรมการปกครอง ขอเรียนว่า […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ พร้อมแถลงนโยบาย 29-30 ก.ย. มองผลโพลเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ

พรรคภูมิใจไทย 28 ก.ย. – นายกฯ พร้อมแถลงนโยบาย 29-30 ก.ย. มองผลโพลเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ แต่ขณะเดียวกันก็กดดันความคาดหวังประชาชน ย้ำต้องทำงานหนักตอบแทน ไม่ให้กลายเป็นยาพิษ ยันยึดสันติแก้ชายแดน บอกไทยนี้รักสงบ แต่ถ้ารบก็ลองดู ลั่นที่ผ่านมาเห็นความอัปยศอดสู วันนี้จะไม่มีวันให้เกิดขึ้นกับประเทศไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ความพร้อมในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 29-30 ก.ย.นี้ว่า ร่างนโยบายได้ส่งให้ทุกฝ่ายศึกษาแล้ว พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) ตามรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรีต้องลุกขึ้นอ่านนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาให้ได้รับทราบ ส่วนถามว่ามีความกังวลหรือไม่ด้วยระยะเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด นายอนุทิน กล่าวว่า จริงๆ แล้วเราไม่ได้เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ สำหรับพรรคภูมิใจไทยทำงานต่อเนื่องมากกว่า 6 ปีแล้ว เพิ่งไปพักร้อนช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ดังนั้น สิ่งที่ยังทำค้างอยู่ในช่วง 2 เดือนที่หยุดไป คงไม่ถึงขั้นที่ต้องทำให้ยกเลิก สิ่งที่เราอยากจะทำอะไรไป เราสามารถสานต่อ และมีนโยบายใหม่ๆ ในฐานะที่เรามาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะสามารถใช้นโยบายเพื่อช่วยเหลือประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจได้เพิ่มมากขึ้น หลายคนมีความคาดหวังกับรัฐบาลใหม่ และผลโพลหลายสำนัก คะแนนความนิยมในตัวนายกรัฐมนตรีเพิ่มสูงขึ้น จะสอดคล้องกับนโยบายและเป็นความคาดหวังให้กับประชาชนได้มากน้อยแค่ไหนนั้น […]

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

สิ้นตำนานเจ้าแม่รถทัวร์แห่งเมืองย่าโม

กรุงเทพฯ 28 ก.ย.- อาลัย “เจ๊เกียว” สิ้นตำนานเจ้าแม่รถทัวร์แห่งเมืองย่าโม เสียชีวิตอย่างสงบ สิริอายุ 88 ปี ครอบครัวเชิดชัย แจ้งว่า นางสุจินดา เชิดชัย หรือ “เจ๊เกียว” เจ้าแม่รถทัวร์เมืองไทย เสียชีวิตอย่างสงบ สิริอายุ 88 ปี เจ๊เกียว เกิดเมื่อ 20 มีนาคม 2480 ณ จังหวัดนครราชสีมา เสียชีวิตในช่วงบ่ายของวันที่ 27 ก.ย.68 ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ กทม. ด้วยอาการชรา ประกอบกับอายุมาก มีโรคประจำตัวหลายโรค เจ๊เกียว เป็นลูกคนที่ 6 ของครอบครัว เป็นเด็กเรียนดี สอบได้ที่ 1 มาตลอด ครอบครัวมีกำลังให้เรียน ป.4 เจ๊เกียว ตั้งปณิธานกับตัวเอง “จะต้องรวยกว่าแม่ให้ได้” จึงกลายเป็นแรงผลักดัน ตลอดเส้นทางดำเนินชีวิต นับว่า เจ๊เกียว มีประวัติสู้ชีวิตตั้งแต่เด็กๆ หลังออกจากโรงเรียน […]

ครึ่งวันเช้าเรียบร้อยดี เลือกตั้งซ่อมศรีสะเกษ คนทยอยใช้สิทธิ

ศรีสะเกษ 28 ก.ย.- ครึ่งวันเช้าเรียบร้อยดี ประชาชนทยอยใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 คึกคัก เผยแม้กังวลสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แต่อยากออกมาใช้สิทธิในฐานะคนไทย ด้านเลขาฯ กกต. ระบุตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเวลาเปิดหีบ ยังไม่พบสิ่งบ่งชี้เหตุฉุกเฉิน -สำนักข่าวไทย