กรุงเทพฯ 6 ก.ย. – บมจ.บีซีพีจี ผู้ผลิตและจำหน่ายพลังงานทดแทน ในเครือบมจ.บางจากฯลงนามในสัญญาแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์โดยหุ้นจะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลัพทรัพย์ภายในเดือนกันยายนนี้กำหนดช่วงราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรกหรือไอพีโอเบื้องต้นที่9.80-10บาท/หุ้น เปิดจองให้กลุ่มผู้มีสิทธิ์และนักลงทุนทั่วไป14-16 ก.ย.และ19-20 ก.ย.
โดยบริษัทมีเป้าหมายผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนรวม1พันเมกะวัตต์ในปี2563จากปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา รวมทั้งสิ้น 130 MW แบ่งเป็น โครงการที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 118 MW และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 12 MW และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวมประมาณ 194 MW แบ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวมประมาณ 20 MW และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวมประมาณ 174 MW
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่าแม้ตลาดหุ้นช่วงนี้จะปรับฐานแต่ก็ไม่มีผลกระทบกับการกระจายหุ้นครั้งนี้เพราะเป็นหุ้นพื้นฐานดีเพราะเป็นหุ้นโรงไฟฟ้าที่รายได้และมีกระแสเงินสดต่อเนื่อง และภาวะหุ้นที่ปรับฐานครั้งนี้จะเห็นได้ว่ายังมีต่างชาติเข้ามาซื้อในภูมิภาคนี้และประเทศไทยตลอด ประกอบกับพื้นฐานของประเทศทั้งการลงทุนจากภาครัฐและอื่นๆไม่เปลี่ยนแปลง จึงเชื่อว่าเมื่อนักลงทุนมีความเชื่อมั่น และข่าวลือต่างๆหมดไปหุ้นก็จะฟื้นตัว โดยในรอบที่ผ่านมาๆการเกิดข่าวลือลักษณะนี้จะใช้เวลาประมาณ1เดือนหุ้นจะฟื้นตัว
“ปัจจัยพื้นฐานของไทยไม่เปลี่ยนแปลง ต่างชาติก็ยังหาตลาดลงทุน เพราะธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยดังนั้นหุ้นไทยก็จะยังมีเม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้ามา”นายแมนพงศ์กล่าว
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน)กล่าวว่าการระดมทุนครั้งนี้เป็นการนำเงิน ขยายการลงทุนโดยในอนาคตมั่นใจจะมีกำลังผลิตเพิ่มจากทั้งที่ญี่ปุ่นและกำลังเจรจาโรงไฟฟ้าความร้อนใต้ภิภพที่ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียการระดมทุนครั้งนี้จะมีเงินเหลือเพียงพอสำหรับการลงทุนใหม่เพิ่มอีก700 เมกะวัตต์อย่างไม่มีปัญหา
ทั้งนี้ในวันนี้ BCPGได้จัดพิธีลงนามในสัญญาแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ โดยแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เคทีซีมิโก้ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BCPG ในครั้งนี้
BCPG จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) จำนวน 590 ล้านหุ้น หรือร้อยละ 29.6 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ทั้งนี้ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในครั้งนี้ BCPG จะมีทุนชำระแล้วทั้งสิน 9,950 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 5 บาท โดยการจัดสรรหุ้น IPO ของ BCPG ได้จัดสรรให้แก่ (1) ผู้ถือหุ้นของ บมจ.บางจากปิโตรเลียม หรือ BCP เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้นจำนวนไม่เกิน68.85 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 11.69 ของจำนวนหุ้น IPO และ (2) ส่วนที่เหลือจะจัดสรรให้แก่ประชาชนทั่วไป โดยหากมีหุ้นเหลือจากการจัดสรรและเสนอขายในส่วนที่ (1) BCPG จะนำหุ้นที่เหลือดังกล่าวทั้งหมดไปรวมจัดสรรเพื่อเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปตามส่วนที่ (2) —- สำนักข่าวไทย