ทำเนียบรัฐบาล 18 ธ.ค. – ครม.เห็นชอบขยายเวลาสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน วงเงิน 30,000 ล้านบาท และเห็นชอบออกหุ้นกู้ 21,000 ล้านบาท ขณะที่เอสเอ็มอีแบงก์ประกาศตรึงดอกเบี้ย ถึงสิ้นเดือน ก.พ.62 หวังช่วยผู้ประกอบการลดต้นทุน
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบขยายเวลามาตรการสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน (Local Economy Loan) วงเงิน 30,000 ล้านบาท ให้ขยายระยะเวลา ไปถึง 18 ธันวาคม 2562 เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยนำไปใช้เป็นทุนหมุนเวียน ลงทุนซื้อเครื่องจักร ขยายปรับปรุงกิจการ ระยะเวลากู้สูงสุด 7 ปี คิดอัตราดอกเบี้ยถูก สำหรับบุคคลธรรมดา อัตราดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 0.42 ต่อเดือน วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท และหากยกระดับเข้าสู่การเป็นนิติบุคคล จัดทำบัญชีเดียว จะมีอัตราดอกเบี้ยถูกลงไปอีก เหลือเพียงร้อยละ 0.25 ต่อเดือนเท่านั้น วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท โดยมีการยื่นกู้แล้ว 11,000 ราย วงเงิน 20,000 ล้านบาท อนุมัติแล้ว 9,000 ราย วงเงิน 14,100 ล้านบาท นอกจากนี้ ครม. ยังเห็นชอบให้ ธพว. ออกหุ้นกู้ โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน วงเงิน ไม่เกิน 21,000 ล้านบาท อายุ 5 ปี เพื่อรองรับโครงการดังกล่าว และนำไปใช้ในการให้สินเชื่อแก่เอสเอ็มอีรายย่อยภายใต้โครงการต่างๆ นับเป็นครั้งแรกที่กระทรวงการคลัง ค้ำประกันให้เอสเอ็มอีแบงก์ ตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2507
นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME Development Bank เปิดเผยว่า จากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่จะทำให้สถาบันการเงินต่างๆ มีภาระต้นทุนการเงินสูงขึ้น แต่ด้วยนโยบายของรัฐบาล โดยกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มอบหมายให้ ธพว. ช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้มีต้นทุนการดำเนินธุรกิจต่ำที่สุด ดังนั้น ธพว.ตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร MLR (Minimum Loan Rate) ไว้เท่าเดิมร้อยละ 6.875 ต่อปี อย่างน้อยจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2562 จากนั้นจึงจะพิจารณาทบทวนความเหมาะสมอีกครั้ง จึงทำให้การคิดดอกเบี้ยจากการขยายโครงการสินเชื่อ จากเดิมเสียดอกเบี้ยร้อยละ 3 ในช่วง 3 ปีแรก ลดเหลือร้อยละ 2 วังลดภาระให้เอสเอ็มอี
นายมงคล กล่าวเพิ่มเติมว่า ธพว.สร้างกระบวนการให้เข้าถึงสินเชื่อของธนาคารได้ง่ายและสะดวกที่สุด ผ่านแพลตฟอร์ม ‘SME D Bank’ แอปพลิเคชันที่สามารถยื่นขอสินเชื่อได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ ภายใต้รหัส 24×7 หมายถึง ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้ง 7 วัน ทำงานควบคู่กับหน่วยบริการเคลื่อนที่รถม้าเติมทุน ส่งเสริม SMEsไทย ฉับไว ไปถึงถิ่น เมื่อยื่นขอสินเชื่อผ่านออนไลน์ จากนั้นภายใน 3 วัน เจ้าหน้าที่ธนาคารติดต่อกลับ เพื่อนัดหมายให้หน่วยรถม้าเติมทุนฯ เข้าไปพบ เพื่อขอดูข้อมูลเชิงประจักษ์การดำเนินธุรกิจจริง สามารถรู้ผลการพิจารณาสินเชื่อได้ใน 7 วัน ขณะเดียวกัน พนักงานของธนาคาร ทำงานภายใต้รหัส 8-8-7 หมายถึง 8 โมงเช้าถึง 2 ทุ่ม (8:00-20:00 น.) ตลอด 7 วัน อีกทั้ง ได้เปิด “ศูนย์บริหารรถม้าเติมทุน” (Operation Center) ที่ชั้น 11 สำนักงานใหญ่ SME Development Bank ทำหน้าที่ติดตามการทำงานของหน่วยรถม้าเติมทุนฯ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดตามเป้าหมายที่วางไว้
“ด้วยสินเชื่อที่ธนาคารได้คงอัตราดอกเบี้ยต่ำไว้เช่นเดิม ประกอบกับการวางกลุ่มผู้ประกอบการเป้าหมายที่สามารถใช้สินเชื่อได้อย่างครอบคลุม ทั้งกลุ่มบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล รวมถึง มีช่องทางเข้าถึงสินเชื่อที่สะดวกรวดเร็วทุกที ทุกเวลา ผ่านแพลตฟอร์ม SME D Bank เชื่อว่า จะช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มีต้นทุนในการประกอบธุรกิจที่ต่ำ สามารถดำเนินธุรกิจโดยไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นดอกเบี้ย” นายมงคล กล่าว .-สำนักข่าวไทย