อังกฤษ 14 ธ.ค.- ศักดิ์ศรีที่ยอมไม่ได้! “ศึกแดงเดือด” หงส์แดง ลิเวอร์พูล จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก เปิดแอนด์ฟิลด์ ปะทะ ปีศาจแดง แมนฯ ยูไนเต็ด
“ศึกแดงเดือด” ลิเวอร์พูล พบ แมนฯ ยูไนเต็ด ในวันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคมนี้ เวลา 23.00 น. เป็นแดงเดือดนัดแรกของฤดูกาลนี้ จะเตะที่สนามแอนฟิลด์ บ้านของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล แมตช์นี้ถือเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีที่ยอมกันไม่ได้ เพราะทั้ง 2 ทีมต่างเป็นคู่แค้นที่ห้ำหั่นกันมาอย่างยาวนาน
ผลงานจากฤดูกาลที่แล้ว ที่แอนฟิลด์ เสมอกันไป 0-0 ก่อนที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะกลับไปเปิดโอลด์แทร็ฟฟอร์ด คว้าชัยชนะ 2-1 ศึกครั้งนี้จึงถือเป็นแมตช์ที่เหล่าสาวกเดอะค็อป ต่างก็เฝ้ารอที่จะได้ล้างตา ต้องมาดูกันว่า แมตช์นี้จะเป็นแมตช์ล้างแค้น หรือ ย้ำแค้น กันแน่
ในลีกฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม เป็นทีมเดียวที่ยังไม่แพ้ใครนำเป็นจ่าฝูงของตารางคะแนน ด้วยผลงานชนะ 13 เสมอ 3 มี 42 คะแนน จากการลงเล่น 16 นัด สวนทางกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เก็บได้เพียง 26 แต้ม อยู่อันดับที่ 6 ส่วนในยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ก็ผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์ไปแล้วทั้งคู่
โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน และ โรแบร์โต ฟีร์มีโน สามแนวรุกของลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มได้โดดเด่น จนยิงในลีกรวมกันแล้ว 20 ประตู โดยเฉพาะโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงไปแล้ว 10 ประตู นำเป็นดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก ร่วมกับ ปิแอร์ เอเมอริก โอบาเมยอง ดาวยิงจากอาร์เซนอล
สถิติในการพบกัน พบกันมาทั้งหมด 52 ครั้ง ลิเวอร์พูล ชนะ 13 ครั้ง(ชนะในบ้าน 8 บุกไปเยือน 5) แมนฯยูไนเต็ด ชนะ 28 ครั้ง (ชนะในบ้าน 16 บุกไปเยือน 12) และเสมอกัน 11 ครั้ง
สถิติ 5 นัดหลังสุดที่พบกัน วันที่ 17 มกราคม 2016 ลิเวอร์พูล เปิดบ้านแพ้ แมนฯยูไนเต็ด 0-1,วันที่ 17 ตุลาคม 2016 ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเสมอกับ แมนฯยู 0-0, 15 มกราคม 2017 แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเสมอกับ ลิเวอร์พูล 1-1,14 ตุลาคม 2017 ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเสมอ แมนฯยู 0-0 และ 10 พฤษภาคม 2018 แมนฯยู เปิดบ้านชนะ ลิเวอร์พูล 2-1
ผู้เล่นตัวหลักของลิเวอร์พูล อลีสซง เบ็คเกอร์, เจมส์ มิลเนอร์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, นาบี เคอิตา , ฟาบินโญ, จอร์จินโย ไวจ์นัลดุม, ซาดิโอ มาเน, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต ฟีร์มีโน แต่ปัญหาของ ลิเวอร์พูล เกมนี้ โจ โกเมซ กระดูกขาซ้ายร้าวจนต้องพัก 6 สัปดาห์, โฌแอล มาติป กระดูกไหปลาร้าร้าวจนต้องพักสูงสุด 6 สัปดาห์ และ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เจ็บฝ่าเท้ายังไม่รู้ว่าต้องพักนานเท่าไหร่ ถือเป็นสิ่งที่ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ต้องแก้ปัญหาในแนวรับ
ส่วนแมนฯยูไนเต็ด ตัวหลัก อย่าง ดาบิด เด เคอา – ดีโอโก้ ดาโล่ต์, ฟิล โจนส์, คริส สมอลลิ่ง(มาร์กอส โรโฮ), แอชลีย์ ยัง – อันเดร์ เอร์เรรา, เนมานยา มาติช – มาร์คัส แรชฟอร์ด, ฆวน มาตา, เจสซี ลินการ์ด (เฟร็ด) – โรเมลู ลูกากู พร้อมลงสนาม
ดาวเด่น หรือ ตัวพลิกเกมในเกมนี้ ลิเวอร์พูล มองไปที่ “บังโม” โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวยิงชาวอียิปต์ วัย 26 ปี ลงสนามให้ลิเวอร์พูล ในลีกฤดูกาลนี้ไปแล้ว 16 นัด ยิง 10 ประตู นำเป็นดาวซัลโวร่วม โดยเฉพาะนัดที่แล้วเพิ่งจะยิงแฮตทริก ช่วยให้ทีมถล่ม บอร์นมัธ 4-0
ส่วนแมนฯ ยูไนเต็ด โรเมลู ลูกากู ศูนย์หน้าชาวเบลเยียม วัย 25 ปี กำลังเริ่มเรียกความมั่นใจ ยิงประตูได้เกมลีกในบ้านนัดที่ เอาชนะ ฟูแลม 4-1 โดยลูกากู ลงสนามไปแล้วในลีก 15 นัด ทำได้ 6 ประตู ในฤดูกาลนี้ แต่ในแชมเปี้ยนส์ลีก นัดล่าสุด ที่แพ้บาเลนเซีย ฟอร์มไม่ดี
ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน วัย 51 ปี ที่รับงานคุมทีมหงส์แดง เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2015 คุมทีมในพรีเมียร์ลีกมาแล้วทั้งหมด 112 นัด ชนะ 69 เสมอ 34 แพ้ 19 นัด โชเซ มูรินโญ ผู้จัดการทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ชาวโปรตุกีส วัย 55 ปี รับงานคุมทีมปีศาจแดง เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2016 คุมทีมในพรีเมียร์ลีกมาแล้วทั้งหมด 304 นัด ชนะ 190 เสมอ 70 แพ้ 44 นัด
มาร์ติน แอตกินสัน กรรมการคนดังของอังกฤษ ได้รับมอบหมายให้ลงทำหน้าที่ตัดสินเกมแดงเดือด วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคมนี้ โดยแอตกินสัน วัย 47 ปี เคยแจกใบแดงใล่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด อดีตกัปตันทีม “หงส์แดง” ออกจากสนามกรณีไปย่ำ อันเดร์ เอร์เรรา เมื่อปี 2015 หลัง “สตีวี่จี” ถูกเปลี่ยนลงมาในสนามแค่ 38 วินาทีเท่านั้น ก่อนที่เกมจะจบลงด้วย แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 2-1 โดยก่อนหน้านั้นเป่าแดงเดือด 3 นัดเป็นฝ่าย “ปีศาจแดง” ชนะทั้งหมด ส่วนนัดล่าสุดที่ แอตกินสัน ลงตัดสินเกมแดงเดือดคือเมื่อฤดูกาลที่แล้วเกมจบลงด้วยการเสมอกัน 0-0 ที่แอนฟิลด์.-สำนักข่าวไทย
