ชลบุรี 6 ก.ย.-ตำรวจ ทหาร ปูพรมค้นหาหญิงวัย 58 หายตัวไปอย่างลึกลับ ในป่าไผ่ ค่ายหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ญาติพึ่งไสยศาสตร์แต่ไร้ผล เชื่อถูกเจ้าที่งูรัดติดกอไผ่บังตา
ทหารเรือ ตำรวจ สภ.สัตหีบ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ รวมกว่า 100 นาย ปูพรมพื้นที่ป่าไผ่ ค่ายหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ค้นหานางพิมพรรณ พูลทวีป อายุ 58 ปี หลังหายตัวไปอย่างลึกลับ ขณะเข้าไปหาหน่อไม้ป่า ตั้งแต่ช่วงเวล 13.00 น. ของวันที่ 5 ก.ย. ล่าสุดการค้นหายาวนาน 6 ชม.ยังไร้วี่แวว
นางเสาร์ เม้าสีใจ อายุ 66 ปี แม่เลี้ยง เปิดเผยว่า ลูกสาวออกจากบ้านไปพร้อมกับพวกรวม 5 คน เพื่อไปหาหน่อไม้ที่ป่าแห่งนี้ ซึ่งตนเองรู้สึกสังหรณ์ใจจะเกิดเรื่องไม่ดี จึงได้ห้ามปรามแต่ไม่ฟัง พร้อมทิ้งท้ายคำพูดที่เป็นลางว่า ขอไปครั้งสุดท้ายแล้วจะไม่ไปอีก ซึ่งขณะเข้าไปได้เพียงไม่นาน ลูกสาวได้ขอนั่งปัสสาวะกลางป่า กลุ่มคนที่ไปด้วยกันก็ทักเตือน แต่ลูกสาวก็ไม่ได้ยกมือขอขมาเจ้าที่เจ้าทางแต่อย่างใด กระทั่งช่วงบ่ายได้พากันกลับออกมาถึงกลางทาง ลูกสาวก็ขอตัวกลับเข้าในป่าเพียงลำพัง บอกลืมถุงหน่อไม้ไว้ โดยที่ทุกคนได้รออยู่ด้านนอก หลังจากนั้นก็ไม่เห็นวี่แววอีกเลย
หลังเกิดเหตุได้ไปให้ร่างทรงและพระดู ปรากฏพูดตรงกันว่า ป่าแห่งนี้แรงมาก มีงูจงอางใหญ่ตัวดำทะมึน เป็นงูเจ้าที่ดูแลอยู่ ลูกสาวถูกงูรัดตัวไว้กับกอไผ่บังตาไม่ให้ใครเห็น ซึ่งตนเองเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เพราะก่อนหน้าเพียง 1 วัน พวกที่ไปด้วยกันฝันเห็นงูดำขนาดใหญ่ ขวางกั้นระหว่างลูกสาวไม่ให้ใครเข้าถึง ขณะนี้ทำทุกวิถีทางจุดธูปขอขมาบอกเจ้าป่าให้เปิดทาง แต่ก็ยังไม่เห็นแม้วี่แวว จึงทำได้เพียงภาวนาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คุ้มครองให้ลูกยังมีชีวิตรอดปลอดภัย นอกจากนี้ เจ้าไส้กรอง สุนัขพันธุ์ไทยผสม อายุ 5 ปี สัตว์เลี้ยงสุดรักของลูกสาว ได้มาช่วยดมกลิ่นตามหาเจ้าของที่มันรักด้วย เดินจนลิ้นห้อยท่างกลางอากาศร้อนจัด ประกอบกับมีทีท่าซึมเศร้า เมื่อเห็นเจ้าของสุดรักของมันหายตัวไป เป็นภาพที่น่าเวทนาอย่างมาก
ด้าน ร.ต.อ.ธนัช ศรีประมาณ รองสารวัตรสอบสวน ดูแลในคดีนี้ เปิดเผยว่า นับเป็นเรื่องที่แปลกอย่างมาก ที่แม้มีการปูพรมค้นหาทุกตารางนิ้วของผืนป่าแห่งนี้ แต่ก็ไม่เห็นแม้วี่แวว เบื้องต้น ได้เชิญตัวพวก 4 คน ที่ร่วมกันเข้าไปหาหน่อไม้ในวันเกิดเหตุมาสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อไขปริศนาการหายตัวไปอย่างลึกลับครั้งนี้.-สำนักข่าวไทย