กาญจนบุรี 14 ธ.ค.- นอภ.สังขละบุรี เตรียมหารือผู้เกี่ยวข้องเร่งซ่อมกำแพงโบสถ์วัดวังก์วิเวการาม (เดิม) แหล่งอันซีนกลางเขื่อนวชิราลงกรณ เริ่มเสียหาย คาดจากคลื่นลมช่วงหน้าหนาวและคลื่นเรือแล่นผ่าน ชาวบ้านเป็นห่วงนำไม้ไผ่ใช้กันผนัง 4 ด้านไว้ก่อน
นายปกรณ์ กรรณวัลลี นายอำเภอสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ได้รับรายงานกำแพงโบสถ์ของวัดใต้น้ำ หรือวัดวังก์วิเวการามเดิม ตั้งอยู่กลางเขื่อนวชิราลงกรณ เริ่มเกิดความเสียหาย สาเหตุคาดว่ามาจากกระแสคลื่นลมช่วงสู่ฤดูหนาวและคลื่นจากเรือที่พานักท่องเที่ยวแล่นผ่านด้วยความเร็ว ชาวบ้านและพระสงฆ์จึงช่วยกันนำเชือกมารัดป้องกันไว้ก่อน รวมทั้งนำเหล็กและไม้ไผ่มายึดผนังทั้ง 4 ด้านของกำแพงไม่ให้เสียหายมากกว่าเดิม ส่วนการซ่อมแซมนั้นจะต้องเร่งหารือกับอุทยานแห่งชาติเขาแหลม เจ้าของพื้นที่ และผู้เกี่ยวข้องเพื่อวางแผนดำเนินการภายหลังน้ำลด เพราะช่วงนี้ระดับน้ำยังสูงอยู่ ต้องรอให้ลดลงก่อน อย่างไรก็ตาม ได้ให้เจ้าหน้าที่นำป้ายไปติดไว้แล้ว เพื่อขอความร่วมมือเรือทุกลำที่แล่นผ่านให้ชะลอความเร็ว หรือหากเป็นไปได้อาจทำแพลูกบวบไม้ไผ่กันรอบ ๆ กำแพงโบสถ์
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า วัดใต้น้ำ วัดวังก์วิเวการามเดิม สร้างขึ้นปี 2498 เกิดจากความเลื่อมใสศรัทธาต่อหลวงพ่ออุตตมะ จุดที่ตั้งของวัดแห่งนี้อยู่บริเวณที่เรียกว่า “สามประสบ” คือบริเวณเนินที่มีแม่น้ำสามสายมาบรรจบกัน ประกอบด้วย แม่น้ำบิคลี่ ซองกาเลีย และรันตี มารวมกันเป็นแม่น้ำแควน้อย ต่อมาปี 2527 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีโครงการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ หรือเขื่อนเขาแหลม เพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า ทางการจึงอพยพชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบออกจากบริเวณที่น้ำท่วม และย้ายวัดมาอยู่บนเนินเขาด้านฝั่งตะวันตกของลำน้ำแควน้อย โดยบริเวณวัดเดิมถูกปล่อยให้จมอยู่ใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันในนามของ “วัดใต้น้ำ” หรือเมืองบาดาล ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว Unseen Thailand เพราะมีความแปลกที่มีซากสิ่งก่อสร้างของวัดวังก์วิเวการามเดิมก่อนถูกน้ำท่วม ซึ่งมีทั้งโบสถ์ หอระฆัง และศาลาวัด นักท่องเที่ยวจะมาเที่ยวชมช่วงฤดูร้อน ประมาณเดือนมีนาคม – เมษายน เนื่องจากเป็นช่วงที่น้ำลดมาก สามารถเดินเข้าไปเยี่ยมชมโบสถ์เก่าได้บริเวณสามประสบ หากมาเที่ยวช่วงปลายฝนต้นหนาว ประมาณเดือนตุลาคม – มกราคม อาจได้เห็นแค่บางส่วนของตัวโบสถ์ที่โผล่พ้นน้ำ หรือเห็นแค่เพียงเล็กน้อยยอดหอระฆังเดิม.-สำนักข่าวไทย
