สำนักงานกกต. 11 ธ.ค.-กกต.เผยบัตรเลือกตั้งแบบมีโลโก้พรรค ยาวถึง 2 ฟุต พิมพ์โรงพิมพ์เดียวกระจาย 350 เขต ใช้บัตร 52 ล้านใบ แต่ไม่มีปัญหาเรื่องขนส่ง แนะพรรคการเมืองตกลงกันเองว่าจะใช้เบอร์เดียวทั่วประเทศหรือไม่
นายณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึงปฏิทินการจัดการเลือกตั้ง ว่า ไทม์ไลน์ทั้งหมดขึ้นอยู่กับประกาศพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่จะประกาศวันที่ 2 มกราคม 2562 ซึ่งเมื่อประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งแล้ว กกต.ต้องประกาศวันเลือกตั้งและวันรับสมัครในวันที่ 4 มกราคม 2562 เพื่อจัดการเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 โดยผู้สมัครในจังหวัดต่าง ๆ สามารถสมัครได้ในสถานที่ที่ผู้อำนวยการกกต.จังหวัดกำหนดแต่หากในวันที่ 2 มกราคม 2562 ยังไม่ประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ยังสามารถรอได้จนถึงวันที่ 4 มกราคม 2562 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่จะทำให้เลือกตั้งได้ทันในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 เพราะกกต.ต้องมีกระบวนการต่าง ๆ ให้ดำเนินการ ดังนั้น สิ่งที่จะยืนยันได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์หรือไม่ คือพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งที่ต้องประกาศภายในวันที่ 4 มกราคม 2562
รองเลขาธิการ กกต. กล่าวถึงรูปแบบของบัตรเลือกตั้งว่า สำนักงานเตรียมเสนอให้กกต.ลงมติเลือกรูปแบบที่สำนักงานเสนอ โดยนอกจากบัตรเลือกตั้งที่มีแต่หมายเลขแล้ว ยังมีรูปแบบที่มีชื่อพรรคและโลโก้พรรคด้วย ซึ่งหากเลือกรูปแบบนี้จะต้องจัดพิมพ์ทั้งสิ้น 350 แบบเพื่อใช้กับ 350 เขต โดยจากการหารือกับโรงพิมพ์ที่มีมาตรฐานและคำนึงถึงความปลอดภัย สามารถจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งที่คาดว่าจะพิมพ์ 52-55 ล้านใบ ได้ทันตามกำหนดเวลา
“ส่วนระบบขนส่งที่จะส่งบัตรเลือกตั้งไปยัง 350 เขต คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องการขนส่งให้ถูกต้องตามเขต เพราะใช้ระบบติดตามแบบ GPS ซึ่งจะทราบความเคลื่อนไหวและสถานะของบัตรเลือกตั้งที่ส่งออกไปจากส่วนกลาง และหากใช้รูปแบบบัตรเลือกตั้งเช่นนี้ คาดว่าบัตรเลือกตั้งจะมีความยาวประมาณ 2 ฟุต โดยกกต.ประเมินจากจำนวนผู้สมัคร ที่คิดว่าจะมากที่สุด 60 คนต่อเขต” นายณัฏฐ์ กล่าว
รองเลขาธิการกกต. กล่าวว่า รูปแบบบัตรเลือกตั้งทั้งหมด กกต.ไม่ได้คิดเอง แต่อยู่ในกรอบของกฎหมาย ซึ่งในวันที่ 19 ธันวาคมนี้ กกต.นัดหารือกับพรรคการเมือง หากพรรคการเมืองทั้งหมดสามารถตกลงกันได้ว่าจะใช้เบอร์เดียวกันทั้งประเทศก็สามารถทำได้ แต่พรรคที่ส่งครบทุกเขตและส่งสมัครเพียงบางเขตจะต้องไปตกลงกันเอง ซึ่งกรณีที่พรรคส่งไม่ครบทุกเขต จะมีบางเขตที่ช่องลงคะแนนเว้นว่างเอาไว้ ซึ่งจะทำให้ประชาชนเกิดความสับสนได้.-สำนักข่าวไทย
