สำนักข่าวไทย 7ธค..-ภาคประชาชนหนุน “บิ๊กโจ๊ก’ ปราบร้านเหล้าขายให้คนเมาขาดสติ ตัดวงจรต้นทางสูญเสียเป็นลูกโซ่ จี้กรมสรรพสามิต ชงคนขายต้องมีใบอนุญาต-ผ่านการอบรม
สืบเนื่องจากกรณีหนุ่มก่อสร้างกระทำการล่วงละเมิดนักท่องเที่ยวชาวนิวซีแลนด์ และถูกดำเนินคดีไปแล้วนั้น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้มีมาตรการกำชับถึงผู้ประกอบการในการห้ามขายสุราให้คนเมาเพื่อป้องกันเกิดเหตุซ้ำ รวมทั้งขอความร่วมมือไปยังสถานบันเทิง สถานบริการต่างๆโดยเฉพาในแหล่งท่องเที่ยว ห้ามจำหน่ายสุราให้กับผู้มีอาการมึนเมาไม่สามารถครองสติได้ หากมีการละเมิดหรือฝ่าฝืนจะต้องถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย
เภสัชกรสงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.) กล่าวว่า ขอสนับสนุน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ในการดำเนินคดีกับร้านค้าที่ขายสุรากับคนเมา ซึ่งผิดกฎหมายชัดเจนอยู่แล้ว ตาม พรบ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551มาตรา29 บทลงโทษจำคุกไม่เกิน1ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งนับเป็นเวลากว่า10 ปีแล้วที่มีกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้ แต่เข้าใจว่ายังไม่เคยมีการบังคับใช้กฎหมายมาตรานี้มาก่อนเลย โดยเฉพาะเมื่อมีกรณีเมาแล้วขับที่เมาอย่างหนัก แล้วไปก่อเหตุไม่ว่าจะเมาแล้วขับจนเกิดอุบัติเหตุหรือ การทะเลาะวิวาท ข่มขืนคุกคามทางเพศต่างๆ ควรสืบกลับไปยังร้านที่ขายสุราให้ด้วย ถ้าปรากฏว่ามีการขายให้ผู้ที่เมาครองสติไม่ได้ ควรดำเนินคดีกับผู้ขายด้วย
เภสัชกรสงกรานต์ ระบุว่า ทั้งนี้เจตนารมณ์ของมาตรานี้ในตอนยกร่างก็ชัดเจน ที่อยากให้ผู้ผลิต ผู้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีความรับผิดชอบต่อปัญหาที่เกิดขึ้น มิใช่เอาแต่จะขายอย่างเดียวทั้งๆที่รู้อยู่ว่าผู้ซื้อมีความเสี่ยงอันตราย อาจจะบาดเจ็บล้มตายหรือก่อเหตุอันตรายได้
ด้านนายแพทย์อุดมศักดิ์ แซ่โง้ว นักวิจัยศูนย์วิจัยปัญหาสุรา(ศวส.) กล่าวว่า หากสำนักงานตำรวจแห่งชาติทำเรื่องนี้ได้จริง จะเป็นการพลิกโฉมสถานการณ์ปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบ้านเราได้อย่างมาก โดยไม่ต้องไปออกกฎหมายใหม่อะไรเลย แม้ข้อเท็จจริงจะพบว่าภาษีที่ได้จากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะลดลง ยอดขายอยู่ในภาวะที่ซบเซา แต่สภาพปัญหาโดยรวมโดยเฉพาะอุบัติเหตุทางถนน อาชญากรรม การปล้นจี้ชิงทรัพย์ ข่มขืน ทำร้ายร่างกาย ยังพบว่าส่วนใหญ่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญ ยิ่งในช่วงเทศกาลสำคัญๆเช่นปีใหม่ สงกรานต์ ที่ภาครัฐมักจะคลอดมาตรการใหม่ๆออกมา แต่ก็กลับพบว่าความสูญเสียต่างๆยังไม่เป็นที่น่าพอใจอย่างที่ควรจะเป็น
“ ในมาตรานี้หากมีการเอาจริงเอาจังจะส่งผลให้ผู้ขายเปลี่ยนพฤติกรรม มีความรับผิดชอบต่อการขายมากขึ้น รับผิดชอบต่อลูกค้าของตัวเองมากขึ้น ที่ผ่านมาเรามักจะโยนความผิดให้ผู้ดื่มฝ่ายเดียว ซึ่งเป็นไปตามความต้องการของฝั่งธุรกิจที่ผลักภาระความรับผิดชอบทุกอย่างให้คนดื่ม ผู้ผลิต นำเข้าและจำหน่ายกลายเป็นคนที่ลอยนวลจากปัญหานี้ “
นายแพทย์อุดมศักดิ์ ระบุย้ำด้วยว่า กฎหมายการรับผิดชอบของร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นี้จะมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อการสื่อสารสารอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เจ้าของร้านหรือแม้กระทั่งผู้เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงที่จัดหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตระหนักถึงโอกาสที่ตนเองจะต้องรับผิดทางกฎหมายเสียก่อน ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สื่อสารเผยแพร่กฎหมายนี้ให้ประชาชนและร้านค้าทราบกันทั่วไปด้วย.-สำนักข่าวไทย