ชี้ปัญหาเศรษฐกิจไทย ต้องแก้ความเหลื่อมล้ำ

มหาวิทยาลัยรังสิต 6 ธ.ค.-พรรคการเมือง ร่วมการสัมมนา เรื่อง “การปฏิรูปและนโยบายเศรษฐกิจ ภายใต้รัฐบาลเลือกตั้ง” มองปัญหาเศรษฐกิจไทยต้องแก้ความเหลื่อมล้ำ สถานะคนรวยกระจุก คนจนกระจาย หยุดแนวคิดอำนาจนิยม


คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต จัดสัมมนาทางวิชาการประจำปี ครั้งที่ 12 เรื่อง “การปฏิรูปและนโยบายเศรษฐกิจ ภายใต้รัฐบาลเลือกตั้ง” โดยมีตัวแทนจากพรรคการเมืองเข้าร่วมการสัมมนา ได้แก่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายสิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ กลุ่มคนรุ่นใหม่พรรคภูมิใจไทย และนายสมพงษ์ สระกวี ที่ปรึกษาพรรคเสรีรวมไทย

โดยนายจาตุรนต์ กล่าวถึงสภาพปัญหาของเศรษฐกิจไทย ว่า การบริหารประเทศในช่วง 4-5 ปีมานี้ หากถามหาการปฏิรูป หลายคนอาจไม่พบว่ามีการปฏิรูปใด ๆ ขณะที่ด้านเศรษฐกิจนั้น นอกจากจะไม่เกิดการปฏิรูปแล้ว ยังเกิดการเสียโอกาส และศักยภาพของประเทศถอยหลัง มีปัญหาความเหลื่อมล้ำมากยิ่งขึ้น เกิดสภาพรวยกระจุก จนกระจาย ซึ่งอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยนั้นอยู่ในอันดับต่ำสุดของอาเซียน ยกเว้นประเทศบรูไน อีกทั้งประเทศไทยยังมีความเหลื่อมล้ำทางความมั่งคั่งของทรัพย์สินอันดับที่หนึ่งของโลก หลายมาตรการยังซ้ำเติมความเหลื่อมล้ำ เช่น มาตรการกระตุ้นช็อปช่วยชาติ เที่ยวช่วยชาติ ทั้งที่ผู้ได้รับประโยชน์จริงคือ ธุรกิจขนาดใหญ่ เพราะผู้ที่ใช้จ่ายเงิน ไม่ใช่กลุ่มคนที่มีฐานะร่ำรวยมาก ทั้งนี้ เรื่องท่องเที่ยวเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยนั้นเติบโต แต่กลับไม่สร้างความยั่งยืน นอกจากนี้ ยังมีปัญหาด้านการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินที่ไม่มีประสิทธิภาพ เพราะนำงบประมาณไปใช้ในการซื้ออาวุธมากกว่า ขณะเดียวกัน โครงการขนาดใหญ่ยังมีปัญหาด้านการประมูล ที่ธุรกิจขนาดใหญ่ได้เข้ามาอย่างง่าย ๆ ดังนั้น หลังจากนี้ ต้องฟื้นความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจไทย


นายสมพงษ์ กล่าวว่า ปัญหาความยากจนและปัญหาความเหลื่อมล้ำของประเทศไทยติดอันดับต้น ๆ ของโลก และยังต้องเผชิญหน้ากับคำว่า คนรวยกระจุก คนจนกระจายต่อไป เด็กไทยหลายแสนคนต้องหลุดออกจากการศึกษา เพียงเพราะผู้ปกครองไม่มีเงินส่งลูกหลานเรียน ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาสำคัญของรัฐบาลอำนาจนิยม

ด้านนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ประเทศไทยยังเผชิญปัญหาความถดถอยทางการเมือง และการก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยที่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ส่วนปัญหาทางเศรษฐกิจมีทั้งปัญหาการเติบโตต่ำทางเศรษฐกิจ การสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจไทย และปัญหาความเหลื่อมล้ำที่มีความรุนแรงมากขึ้นจนติดอันดับของโลก ซึ่งทั้งหมดมาจากผู้บริหารประเทศที่ไม่สามารถปรับแนวคิดของตนเองให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงได้ อยู่กับแนวคิดอำนาจนิยม รวมศูนย์อำนาจไว้ที่ภาครัฐ ให้ความสำคัญกับภาครัฐ และมองว่าความสงบเรียบร้อยทุกมิติมากกว่าเหนือสิ่งอื่นใด ขณะที่บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บังคับประชาชนให้ใช้เฉพาะในร้านธงฟ้าของรัฐเท่านั้น ซึ่งเป็นร้านค้าที่รัฐบาลกำหนด ทำให้เงินไม่ออกมาหมุนเวียน ซึ่งแนวคิดดังกล่าวไม่สอดคล้องกับความสร้างสรรค์ เพราะความสร้างสรรค์ต้องการเสรีภาพ ดังนั้น พรรคการเมืองควรมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนว่าจะแก้ปัญหาของประเทศเหล่านี้อย่างไร มีหลักการที่ชัดเจนว่าระบบเศรษฐกิจจะจัดการอย่างไร แนวทางการปฏิรูปจะเป็นอย่างไร หากการดำเนินการมีอุปสรรค ก็ต้องหาฉันทามติจากประชาชน โดยไม่จำเป็นต้องนำมาเป็นความขัดแย้งต่อไป

ขณะที่นายสิริพงศ์ กล่าวถึงปัญหาของเกษตรไทยที่ต่างจากเกษตรกรต่างประเทศว่า เกษตรกรไทยมีปัญหาเรื่องความจนซ้ำซ้อน ทั้งที่เกษตรกรต่างประเทศนั้นร่ำรวย การพยายามแก้ปัญหาของรัฐบาลในระยะหนึ่ง มักจะมีสิ่งต่าง ๆ ตามมา ไม่ว่าจะนโยบาย รัฐบาล รูปแบบที่เปลี่ยนไป โดยไม่สามารถควบคุมหรือคาดการณ์ได้ ในอนาคตอันใกล้ การจะกำหนดนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรมีข้อจำกัดมาก ซึ่งต้องเปลี่ยนไปจากเดิมเพื่อไม่ให้ผิดกฎขององค์การการค้าโลก (WTO) ส่วนการท่องเที่ยวที่อยากให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาจำนวนมากขึ้นนั้น ต้องพิจารณาว่าเมืองต่าง ๆ นั้น พร้อมจะรองรับนักท่องเที่ยวได้เพียงพอหรือไม่ ทั้งนี้ เห็นว่ารัฐบาลพยายามจะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำมาโดยตลอด เช่น กฎหมายภาษีมรดก ภาษีที่ดิน แต่คนรวยก็ยังรวย ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ แต่ผู้ที่รับภาระคือคนชั้นกลางและคนชั้นล่าง


ส่วนนายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ควรให้ความสำคัญกับการกระจายรายได้ เพื่อคลายความรุนแรงของสถานะรวยกระจุก จนกระจาย ภาครัฐควรทำหน้าที่ส่งเสริม ไม่ใช่ทำหน้าที่อำนาจนิยม มีกฎระเบียบต่าง ๆ มาก จนกระทั่งคนที่ทำหน้าที่สุจริตหมดกำลังใจที่จะทำ

ด้านนายธนาธร กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ทุกพรรคจะเสนอเรื่องที่ก้าวหน้า และค่อนข้างมองปัญหาและทางออกไปในทางเดียวกัน ปัญหาของไทยคือยิ่งโตยิ่งเหลื่อมล้ำ ถูกประเทศเพื่อนบ้านทิ้งห่าง กลุ่มทุนรายใหญ่ได้รับประโยชน์จากโครงการของรัฐ ทรัพยากรกระจุกตัวอยู่ในเมืองใหญ่ ซึ่งจะไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ หากไม่พูดถึงและจัดการโครงสร้างบางอย่างที่กดทับสังคมอยู่ โครงสร้างดังกล่าวทำให้คนกลุ่มชนชั้นนำมีอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองเหนือคนกลุ่มอื่น ทั้งนี้ การพัฒนาเศรษฐกิจของไทยที่ผ่านมา แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ 1.ทศวรรษ 2500 เป็นการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้า 2.ทศวรรษ 2520 เป็นการผลิตเพื่อส่งออก และ 3.ทศวรรษ 2540 ใช้ Dual-track คืออาศัยการส่งออกควบคู่การส่งเสริมการลงทุนภายในประเทศ

“ขณะนี้ทุกคนกำลังมองหาคลื่นลูกที่ 4 ในการผลักดันให้ประเทศพ้นกับดักรายได้ปานกลาง ซึ่งทุกวันนี้ผมยังเห็นว่าไม่มีใครที่เสนอเรื่องนี้อย่างชัดเจน ถึงเวลาที่ต้องกลับมาพูดความจริงว่า ระหว่างกลุ่มพันธมิตรผูกขาด หรือกลุ่มอภิสิทธิ์ชน ที่ประกอบด้วย รัฐ ข้าราชการ ทหาร มีอำนาจทางเศรษฐกิจเหนือคนส่วนใหญ่ของประเทศ ดังนั้น หากไม่ทำลายโครงสร้างเช่นนี้ การแก้ปัญหาจะไม่เกิดขึ้น ดังนั้น ต้องจัดการเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา” นายธนาธร กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ร่วมวงถก สมช. แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 6 มิ.ย.- “นายกฯ แพทองธาร” เลื่อนวาระงาน เพื่อร่วมประชุม สมช. แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อเวลา 10.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งเลื่อนการประชุมติดตามมาตรการป้องกันปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมาย บนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลเป็น 11.00 น. เพื่อมาร่วมประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. หารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อสรุปมาตรการตอบโต้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดน โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มารอต้อนรับ ซึ่งการร่วมประชุม กับ สมช. ในวันนี้นายกรัฐมนตรี ไม่ได้แจ้งล่วงหน้าและเป็นการมาร่วมประชุมกับ สมช. เป็นครั้งแรก .-316 -สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” เผยวงหารือ “เตีย เสฮา” เสนอกัมพูชาถอนทหารจากจุดปะทะ

ทำเนียบ 6 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” เผยวงหารือ “พลเอกเตีย เสฮา” เสนอกัมพูชาถอนทหารออกจากจุดปะทะ ออกไป 200 เมตร กลับไปอยู่จุดเดิม ฝากข้อเสนอนี้ให้นายกรัฐมนตรีกัมพูชา-สมเด็จฮุนเซน พิจารณา ย้ำไทยไม่ยอมรับศาลโลก ระบุไม่อยากให้เกิดสงคราม ยันเดินหน้าประชุมเจบีซี 14 มิถุนายนนี้ วอนเสนอข่าวอย่างระมัดระวัง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังได้หารือร่วมกับ พลเอก เตีย เสฮา (Tea Seiha) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เมื่อวานนี้ที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ว่า ได้มีการหารือกันว่าจะคลี่คลายกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดในขณะนี้ โดยรัฐบาลไทยได้ยืนยันแล้ว ว่าไม่อยากเห็นสงคราม และไทยไม่ได้กังวลที่จะมีการสู้รบ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นการสูญเสีย ซึ่งไม่ต้องการเห็นตรงนั้น ดังนั้นความสัมพันธ์ที่มีอยู่จึงน่าจะพูดคุยกันได้ ดังนั้นได้มีการพูดคุยกันในภาพรวม โดยสรุปตนเองก็ได้ฝากไปว่า เมื่อคุยกันแล้วและเข้าใจจุดยืนของแต่ละฝ่ายแล้ว เราอยากให้เป็นการคุยจำกัดเฉพาะที่ ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็เป็นสิทธิ์ของกัมพูชา พร้อมยืนยันว่าไทยไม่ได้เข้าศาลโลก เพราะตั้งแต่ปี 2503 มา จนกระทั่งปี 2567 นายเศรษฐา ทวีศิลป์ […]

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งในภาคอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 6 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งในภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 40% ส่วนมากในช่วงระหว่างบ่ายถึงค่ำ กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ประกอบกับมีร่องมรสุมกำลังอ่อนพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง ในช่วงวันที่ 7-11 มิ.ย. 68 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร อ่าวไทยมีคลื่นสูง […]

ผบ.ทสส.นัดถก ผบ.เหล่าทัพเฉพาะกิจ ปมชายแดนไทย-กัมพูชา

กรุงเทพฯ 5 มิ.ย. – ถก ผบ.เหล่าทัพเฉพาะกิจ พรุ่งนี้ แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา คาด “ผบ.ทบ.” รับผิดชอบโดยตรง เตรียมแผนรับมือครอบคลุมทุกมิติแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (6 มิ.ย.68) พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) จะเป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 4/2568 วาระเฉพาะกิจ ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) ในเวลา 14.00 น. คาดว่าจะมีการหารือถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของกองทัพบกโดยตรง ทั้งการเตรียมกำลัง และดำเนินการเกี่ยวกับการใช้กำลังตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง และเตรียมแผนพร้อมรับมือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ครอบคลุมทุกมิติแล้ว สำหรับการประชุม ผบ.เหล่าทัพ ในครั้งนี้ กองทัพอากาศเป็นเจ้าภาพ และได้แจ้งสื่อมวลชน ขอยกเลิกการมาทำข่าวนี้ เนื่องจากเป็นการประชุมเฉพาะกิจ นอกจากนี้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะมีการประชุม และคาดว่าจะมีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นมาดูแลแก้ปัญหาโดยเฉพาะ.-313-สำนักข่าวไทย