ชี้ปัญหาเศรษฐกิจไทย ต้องแก้ความเหลื่อมล้ำ

มหาวิทยาลัยรังสิต 6 ธ.ค.-พรรคการเมือง ร่วมการสัมมนา เรื่อง “การปฏิรูปและนโยบายเศรษฐกิจ ภายใต้รัฐบาลเลือกตั้ง” มองปัญหาเศรษฐกิจไทยต้องแก้ความเหลื่อมล้ำ สถานะคนรวยกระจุก คนจนกระจาย หยุดแนวคิดอำนาจนิยม


คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต จัดสัมมนาทางวิชาการประจำปี ครั้งที่ 12 เรื่อง “การปฏิรูปและนโยบายเศรษฐกิจ ภายใต้รัฐบาลเลือกตั้ง” โดยมีตัวแทนจากพรรคการเมืองเข้าร่วมการสัมมนา ได้แก่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายสิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ กลุ่มคนรุ่นใหม่พรรคภูมิใจไทย และนายสมพงษ์ สระกวี ที่ปรึกษาพรรคเสรีรวมไทย

โดยนายจาตุรนต์ กล่าวถึงสภาพปัญหาของเศรษฐกิจไทย ว่า การบริหารประเทศในช่วง 4-5 ปีมานี้ หากถามหาการปฏิรูป หลายคนอาจไม่พบว่ามีการปฏิรูปใด ๆ ขณะที่ด้านเศรษฐกิจนั้น นอกจากจะไม่เกิดการปฏิรูปแล้ว ยังเกิดการเสียโอกาส และศักยภาพของประเทศถอยหลัง มีปัญหาความเหลื่อมล้ำมากยิ่งขึ้น เกิดสภาพรวยกระจุก จนกระจาย ซึ่งอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยนั้นอยู่ในอันดับต่ำสุดของอาเซียน ยกเว้นประเทศบรูไน อีกทั้งประเทศไทยยังมีความเหลื่อมล้ำทางความมั่งคั่งของทรัพย์สินอันดับที่หนึ่งของโลก หลายมาตรการยังซ้ำเติมความเหลื่อมล้ำ เช่น มาตรการกระตุ้นช็อปช่วยชาติ เที่ยวช่วยชาติ ทั้งที่ผู้ได้รับประโยชน์จริงคือ ธุรกิจขนาดใหญ่ เพราะผู้ที่ใช้จ่ายเงิน ไม่ใช่กลุ่มคนที่มีฐานะร่ำรวยมาก ทั้งนี้ เรื่องท่องเที่ยวเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยนั้นเติบโต แต่กลับไม่สร้างความยั่งยืน นอกจากนี้ ยังมีปัญหาด้านการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินที่ไม่มีประสิทธิภาพ เพราะนำงบประมาณไปใช้ในการซื้ออาวุธมากกว่า ขณะเดียวกัน โครงการขนาดใหญ่ยังมีปัญหาด้านการประมูล ที่ธุรกิจขนาดใหญ่ได้เข้ามาอย่างง่าย ๆ ดังนั้น หลังจากนี้ ต้องฟื้นความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจไทย


นายสมพงษ์ กล่าวว่า ปัญหาความยากจนและปัญหาความเหลื่อมล้ำของประเทศไทยติดอันดับต้น ๆ ของโลก และยังต้องเผชิญหน้ากับคำว่า คนรวยกระจุก คนจนกระจายต่อไป เด็กไทยหลายแสนคนต้องหลุดออกจากการศึกษา เพียงเพราะผู้ปกครองไม่มีเงินส่งลูกหลานเรียน ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาสำคัญของรัฐบาลอำนาจนิยม

ด้านนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ประเทศไทยยังเผชิญปัญหาความถดถอยทางการเมือง และการก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยที่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ส่วนปัญหาทางเศรษฐกิจมีทั้งปัญหาการเติบโตต่ำทางเศรษฐกิจ การสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจไทย และปัญหาความเหลื่อมล้ำที่มีความรุนแรงมากขึ้นจนติดอันดับของโลก ซึ่งทั้งหมดมาจากผู้บริหารประเทศที่ไม่สามารถปรับแนวคิดของตนเองให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงได้ อยู่กับแนวคิดอำนาจนิยม รวมศูนย์อำนาจไว้ที่ภาครัฐ ให้ความสำคัญกับภาครัฐ และมองว่าความสงบเรียบร้อยทุกมิติมากกว่าเหนือสิ่งอื่นใด ขณะที่บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บังคับประชาชนให้ใช้เฉพาะในร้านธงฟ้าของรัฐเท่านั้น ซึ่งเป็นร้านค้าที่รัฐบาลกำหนด ทำให้เงินไม่ออกมาหมุนเวียน ซึ่งแนวคิดดังกล่าวไม่สอดคล้องกับความสร้างสรรค์ เพราะความสร้างสรรค์ต้องการเสรีภาพ ดังนั้น พรรคการเมืองควรมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนว่าจะแก้ปัญหาของประเทศเหล่านี้อย่างไร มีหลักการที่ชัดเจนว่าระบบเศรษฐกิจจะจัดการอย่างไร แนวทางการปฏิรูปจะเป็นอย่างไร หากการดำเนินการมีอุปสรรค ก็ต้องหาฉันทามติจากประชาชน โดยไม่จำเป็นต้องนำมาเป็นความขัดแย้งต่อไป

ขณะที่นายสิริพงศ์ กล่าวถึงปัญหาของเกษตรไทยที่ต่างจากเกษตรกรต่างประเทศว่า เกษตรกรไทยมีปัญหาเรื่องความจนซ้ำซ้อน ทั้งที่เกษตรกรต่างประเทศนั้นร่ำรวย การพยายามแก้ปัญหาของรัฐบาลในระยะหนึ่ง มักจะมีสิ่งต่าง ๆ ตามมา ไม่ว่าจะนโยบาย รัฐบาล รูปแบบที่เปลี่ยนไป โดยไม่สามารถควบคุมหรือคาดการณ์ได้ ในอนาคตอันใกล้ การจะกำหนดนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรมีข้อจำกัดมาก ซึ่งต้องเปลี่ยนไปจากเดิมเพื่อไม่ให้ผิดกฎขององค์การการค้าโลก (WTO) ส่วนการท่องเที่ยวที่อยากให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาจำนวนมากขึ้นนั้น ต้องพิจารณาว่าเมืองต่าง ๆ นั้น พร้อมจะรองรับนักท่องเที่ยวได้เพียงพอหรือไม่ ทั้งนี้ เห็นว่ารัฐบาลพยายามจะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำมาโดยตลอด เช่น กฎหมายภาษีมรดก ภาษีที่ดิน แต่คนรวยก็ยังรวย ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ แต่ผู้ที่รับภาระคือคนชั้นกลางและคนชั้นล่าง


ส่วนนายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ควรให้ความสำคัญกับการกระจายรายได้ เพื่อคลายความรุนแรงของสถานะรวยกระจุก จนกระจาย ภาครัฐควรทำหน้าที่ส่งเสริม ไม่ใช่ทำหน้าที่อำนาจนิยม มีกฎระเบียบต่าง ๆ มาก จนกระทั่งคนที่ทำหน้าที่สุจริตหมดกำลังใจที่จะทำ

ด้านนายธนาธร กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ทุกพรรคจะเสนอเรื่องที่ก้าวหน้า และค่อนข้างมองปัญหาและทางออกไปในทางเดียวกัน ปัญหาของไทยคือยิ่งโตยิ่งเหลื่อมล้ำ ถูกประเทศเพื่อนบ้านทิ้งห่าง กลุ่มทุนรายใหญ่ได้รับประโยชน์จากโครงการของรัฐ ทรัพยากรกระจุกตัวอยู่ในเมืองใหญ่ ซึ่งจะไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ หากไม่พูดถึงและจัดการโครงสร้างบางอย่างที่กดทับสังคมอยู่ โครงสร้างดังกล่าวทำให้คนกลุ่มชนชั้นนำมีอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองเหนือคนกลุ่มอื่น ทั้งนี้ การพัฒนาเศรษฐกิจของไทยที่ผ่านมา แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ 1.ทศวรรษ 2500 เป็นการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้า 2.ทศวรรษ 2520 เป็นการผลิตเพื่อส่งออก และ 3.ทศวรรษ 2540 ใช้ Dual-track คืออาศัยการส่งออกควบคู่การส่งเสริมการลงทุนภายในประเทศ

“ขณะนี้ทุกคนกำลังมองหาคลื่นลูกที่ 4 ในการผลักดันให้ประเทศพ้นกับดักรายได้ปานกลาง ซึ่งทุกวันนี้ผมยังเห็นว่าไม่มีใครที่เสนอเรื่องนี้อย่างชัดเจน ถึงเวลาที่ต้องกลับมาพูดความจริงว่า ระหว่างกลุ่มพันธมิตรผูกขาด หรือกลุ่มอภิสิทธิ์ชน ที่ประกอบด้วย รัฐ ข้าราชการ ทหาร มีอำนาจทางเศรษฐกิจเหนือคนส่วนใหญ่ของประเทศ ดังนั้น หากไม่ทำลายโครงสร้างเช่นนี้ การแก้ปัญหาจะไม่เกิดขึ้น ดังนั้น ต้องจัดการเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา” นายธนาธร กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ศิริโชค” เชื่อรถถูกเผาโยงการเมือง ตร.เร่งหาเบาะแสคนร้าย

6 ก.ค.- “ศิริโชค” ฟันธงเหตุรถยนต์ถูกลอบวางเพลิงมาจากเรื่องการเมือง ด้านตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้าย ส่วนบริษัทเจ้าของรถออกหนังสือชี้แจงสาเหตุไฟไหม้ ความคืบหน้าเหตุการณ์ไฟไหม้ รถ GWM HAVAL H6 PHEV ของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัย ซึ่งจอดอยู่ในบริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อช่วงตี 3 วานนี้ (5ก.ค.68) ทำให้รถเสียหายทั้งคันและได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.นาทวี เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นความบกพร่องของรถหรือลอบวางเพลิง ล่าสุดในทางคดีมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า เป็นการจงใจลอบวางเพลิง โดยหลังจากที่วานนี้ พนักงานสอบสวน สภ.นาทวี และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์คันนี้ ปรากฏว่าพบมียางรถยนต์จำนวน 6 เส้นถูกเผาเหลือแต่เส้นใยเหล็ก พร้อมด้วยตับสิเหรงที่ใช้มุงหลังคา ซึ่งน่าจะเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟเพื่อทำการเผารถยนต์คันนี้อยู่บริเวณใต้ท้องรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุหรือความบกพร่องของรถแต่อย่างใด ด้านนายศิริโชค เปิดเผยว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการวางเพลิงโดยใช้ยางรถยนต์ ตับสิเหรง และใช้น้ำมันเบนซินราด จากที่ตนสังเกตแม้ว่าทางศูนย์หลักฐานจะยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ว่าดูจากรูปการแล้วพุ่งเป้าไปที่คนวางเพลิง ไม่ใช่ความบกพร่องของรถ แต่มีความตั้งใจที่จะให้เป็นความบกพร่องของรถเพราะเป็นรถไฟฟ้า แต่สุดท้ายจากหลักฐานที่พบบ่งชี้ไปที่การวางเพลิง มองว่ามาจากเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องการสร้างสถานการณ์ด้านความมั่นคงหรือเรื่องส่วนตัว เพราะตนไม่มีความแค้นส่วนตัวกับใครไม่ได้ทำธุรกิจในพื้นที่ ไม่มีเรื่องชู้สาว สิ่งที่เดียวที่มีคือการเป็นนักการเมือง […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดดังพิษณุโลก ย่องลาสิกขา หลังพัวพันข่าวดัง

พิษณุโลก 6 ก.ค.- “พระ ส.” เจ้าอาวาสวัดดัง จ.พิษณุโลก ย่องลาสิกขาเงียบ หลังพัวพันข่าวดัง ขณะทางวัดยังไม่แถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ได้ลาสิกขาอย่างเงียบ ๆ โดย พระครูวิโรจน์ธรรมากร เจ้าอาวาสวัดกรุงกรัก เจ้าคณะตำบลท่านางงาม เขต 2 เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางระกำ เป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้พระ ส. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นสามีคนแรกของหญิงสาวที่รู้จักในฉายา “น้องดอกไม้” หรือสีกา ก. และยิ่งได้รับความสนใจเมื่อมีข้อมูลระบุว่า น้องดอกไม้มีบุตรสาววัย 13 ปี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของพระ ส. ขณะทางวัดยังไม่มีการออกแถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุของการลาสิกขา แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและศาสนา -สำนักข่าวไทย

ไทยเปิดด่านกรณีพิเศษ ช่วยนายพลกัมพูชาป่วยฉุกเฉิน

สระแก้ว 6 ก.ค.- เพื่อมนุษยธรรม! ไทยเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ ช่วยเหลือนายทหารระดับสูงกัมพูชา ป่วยฉุกเฉิน ส่งรักษาโรงพยาบาล อ.อรัญประเทศ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงตึงเครียดและมีการปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ ได้เกิดภาพความประทับใจ เมื่อหน่วยงานความมั่นคงของไทย ร่วมกันตัดสินใจเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่นายทหารระดับสูงกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ไทยจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันอำนวยความสะดวกบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา เพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนลอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ เพื่อทำการรักษาให้ทันท่วงที ปัจจุบันด่านคลองลึก ยังคงปิดทำการจากปัญหาชายแดนที่ยังไม่คลี่คลาย แต่การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า หลักมนุษยธรรมและความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันนั้นอยู่เหนือปัญหาความขัดแย้งใด ๆ ทั้งปวง และยังแสดงถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานของทั้งสองประเทศ -สำนักข่าวไทย