เวียงจันทน์ 30 พ.ย. – เอ็กซิมแบงก์เปิดสำนักงานผู้แทนเวียงจันทน์ สปป.ลาว เพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุน 2 ประเทศ และขยายธุรกิจเชื่อม CLMVT
ธนาคารเพื่อการส่งอออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) เปิดสำนักงานผู้แทนในเวียงจันทน์ สปป.ลาว โดยมีนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วยผู้แทนภาครัฐ สปป.ลาว กรรมการและผู้บริหารเอ็กซิมแบงก์ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของไทย เป็นสักขีพยาน
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ประเทศไทยและ สปป.ลาวมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิด ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ ด้านการเงิน และด้านพลเมือง โดยเฉพาะการดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ชายแดนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นอกเหนือจากมูลค่าการค้าระหว่างไทยและ สปป.ลาว ประมาณ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี และมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยไทยเป็นแหล่งนำเข้าสำคัญอันดับ 1 และเป็นตลาดส่งออกอันดับ 2 ของ สปป.ลาว นักลงทุนไทยเป็นนักลงทุนต่างชาติอันดับ 3 ที่เข้าไปลงทุนใน สปป.ลาว ไทยเป็นประเทศที่เข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าและเป็นผู้ซื้อไฟฟ้ารายใหญ่อันดับ 1 จาก สปป.ลาว และมีความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงระบบการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ภายในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและอาเซียน
นอกจากนี้ จากมาตรการริเริ่มพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย กระทรวงการคลังได้อนุญาตให้กระทรวงการเงินของ สปป.ลาวออกพันธบัตรสกุลเงินบาท เพื่อระดมทุนไปลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใน สปป.ลาว วงเงินรวม 55,500 ล้านบาท โดยออกขายพันธบัตรสกุลเงินบาทแล้ว 8 ครั้งในช่วงปี 2556-2561 วงเงินรวมทั้งสิ้น 45,690 ล้านบาท ซึ่งไทยเป็นประเทศแรกที่สนับสนุนให้ สปป.ลาว สามารถระดมทุนนอกประเทศได้สำเร็จเป็นการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในภูมิภาคตามยุทธศาสตร์ของกระทรวงการคลัง เพื่อยกระดับให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านตลาดตราสารหนี้ในภูมิภาคและเสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจร่วมกันของอาเซียน
ทั้งนี้ การจัดตั้งสำนักงานผู้แทนของเอ็กซิมแบงก์ในเวียงจันทน์สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลและผู้ประกอบการไทยให้ความสำคัญกับ สปป.ลาว และแสวงหาโอกาสใหม่ในการขยายรูปแบบความร่วมมือและพัฒนาบริการทางการเงินให้มีประสิทธิภาพและหลากหลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งเอ็กซิมแบงก์ช่วยผลักดันให้เกิดการค้าและการลงทุนแก่ทั้ง 2 ประเทศ
นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการเอ็กซิมแบงก์ กล่าวว่า เป็นเวลากว่า 24 ปีที่เอ็กซิมแบงก์ทำหน้าที่ส่งเสริมการส่งออก การนำเข้า และการลงทุน โดยเชื่อมโยงเศรษฐกิจไทยกับประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจและมิตรประเทศที่ดีมายาวนานอย่าง สปป.ลาว โดยธนาคาร สนับสนุนทางการเงินให้แก่โครงการต่าง ๆ ใน สปป.ลาว รวมกว่า 30,000 ล้านบาทในโครงการพัฒนาประเทศด้านโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การก่อสร้างถนน การลงทุนในโรงไฟฟ้า รวมถึงโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่มีการจำหน่ายไฟฟ้ากลับมายังประเทศไทย และอีกหลายโครงการในภาคอุตสาหกรรมและบริการ
นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า การจัดตั้งสำนักงานผู้แทนในเวียงจันทน์ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมประเทศไทยทำงานกับภาครัฐและเอกชนไทย-สปป.ลาว เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างทั้ง 2 ประเทศ รวมถึงการขยายธุรกิจเชื่อมโยง CLMVT (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม และไทย) ต่อไปยังประเทศต่าง ๆ ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและอาเซียน โดยสํานักงานผู้แทนเอ็กซิมแบงก์ในเวียงจันทน์จะทำหน้าที่ให้บริการด้านคำปรึกษาแนะนำ ข้อมูลการค้าการลงทุน รวมถึงข้อมูลเชิงลึกที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยทุกขนาดธุรกิจสามารถเริ่มต้นหรือขยายการค้าการลงทุนใน สปป.ลาว ได้อย่างประสบความสำเร็จ พร้อมอํานวยความสะดวกในการทําธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศ แสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการ ตลอดจนขยายความร่วมมือในรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความคาดหวังของภาครัฐและเอกชนของทั้งสองประเทศ ขับเคลื่อนให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการพัฒนาในระดับประเทศและระดับภูมิภาค
ทั้งนี้ สปป.ลาวเป็นประเทศที่มีประชากร 7 ล้านคน มีขนาดเศรษฐกิจเล็กที่สุดใน CLMVT ไม่มีทางออกสู่ทะเล แต่เป็นประเทศที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ยปี 2561-2565 ประมาณร้อยละ 7 ต่อปี สูงที่สุดใน CLMVT และสูงเป็นอันดับต้นของโลก โดยอาศัยจุดแข็งของ สปป.ลาวในการมีพรมแดนติดกับ CLMVT และจีน ทำให้ สปป.ลาว เป็นประตูเชื่อมโยงเครือข่ายพลังงาน เส้นทางคมนาคมขนส่ง การท่องเที่ยว และการค้าของภูมิภาค
โดยในวันนี้นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการเอ็กซิมแบงก์ และนายอุเดด สุวันนะวง ประธานสภาการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาว (LNCCI) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างเอ็กซิมแบงก์กับ LNCCI เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือด้านข้อมูล บริการทั้งทางการเงินและไม่ใช่การเงิน รวมถึงการร่วมกันจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อขยายโอกาสด้านการค้าการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศ เพื่อประโยชน์ต่อผู้ประกอบการไทยและผู้ประกอบการลาว . – สำนักข่าวไทย