กรุงเทพฯ 28 พ.ย.- ตำรวจเร่งไล่ล่าขบวนการตัดไม้พะยูงในเขตวัดบ้านกู่ จ.สุรินทร์ หลังเกิดการปะทะยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่หลบหนีไปได้ 5 คน จับได้ 5 คน เสียชีวิตคาที่ 1 ราย
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีตำรวจวิสามัญฆาตกรรมคนร้ายที่พยายามใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้ตำรวจขณะลักลอบตัดไม้พะยูง พื้นที่ สภ.เพี้ยราม จ.สุรินทร์ ว่าได้รับรายงานจาก สภ.เพี้ยราม จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2561 เวลา 21.00 น. ได้รับแจ้งจากเจ้าอาวาสวัดบ้านกู่ มีคนร้ายจำนวน 11 คน ใช้รถยนต์ปิกอัพ 3 คัน มาลักลอบตัดไม้พะยูงในเขตวัดบ้านกู่ หมู่ 6 ต.เพี้ยราม อ.เมือง จ.สุรินทร์ ตำรวจชุดสืบสวนและชุดสายตรวจพร้อมกับชุด ปทส. ภ.จว.สุรินทร์ ได้สนธิกำลังกับ จนท.หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สร.2 และ จนท.ทหาร มทบ.25 เดินทางไปตรวจสอบ พบกลุ่มคนร้ายกำลังใช้เลื่อยยนต์ไฟฟ้าดัดแปลงตัดต้นพะยูงอยู่ จากนั้นคนร้ายที่รออยู่ในรถยนต์กระบะใช้ปืนยิงใส่รถตำรวจ เจ้าหน้าที่จึงยิงตอบโต้ป้องกันตัว กระสุนปืนถูกนายฤทธิไกร ทรัพย์สถิต อายุ 30 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนรถคันที่คุ้มกันของคนร้ายขับหลบหนีไปได้ 1 คัน ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายได้ 5 คน ส่วนอีก 5 คน ที่หลบหนีไปก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการไล่ตรวจสอบเส้นทางการหลบหนีและสืบสวนหาข่าวเพื่อติดตามนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พนักงานสอบสวนจึงได้ร่วมกับสหวิชาชีพ พนักงานอัยการ ปลัดอำเภอ แพทย์ และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ชันสูตรศพนายฤทธิไกร และตรวจยึดอาวุธปืน พร้อมปลอกกระสุนปืน และของกลางหลายรายการเพื่อดำเนินตามกฎหมายต่อไป
รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า ในคดีดังกล่าว พนักงานสอบสวนได้ทำสำนวนการสอบสวนแบ่งเป็น 4 สำนวน คือ
1.สำนวนคดีชันสูตรพลิกศพการเสียชีวิตของ นายฤทธิไกร
2.สำนวนคดีที่คนร้ายร่วมกันทำไม้หวงห้าม (ไม้พะยูง) โดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
3. สำนวนคดีพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งคนร้ายตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ ในความผิดฐาน ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติการตามหน้าที่, พยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติการตามหน้าที่ และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
4. สำนวนคดีฆ่าผู้อื่นโดยอ้างเหตุป้องกันจากการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งตำรวจที่วิสามัญผู้ตายตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยอ้างเหตุป้องกันตัวเจ้าพนักงานจากการปฏิบัติหน้าที่
พร้อมกันนี้ ตนได้รายงานให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. รับทราบแล้ว ได้กำชับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและสอบสวนด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยอาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงทางคดีเป็นสำคัญ .-สำนักข่าวไทย