กรุงเทพฯ 22 พ.ย.-นายกฯ ลงพื้นที่วัดศรีบุญเรือง เขตบางกะปิ ตรวจเยี่ยมการพัฒนาและยกระดับระบบบริการขนส่งสาธารณะ “ล้อ ราง เรือ” ร่วมเคารพธงชาติกับนักเรียน ฝากครูช่วยพัฒนาการเรียนรู้ พร้อมยืนยันใช้จ่ายงบประมาณช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยอย่างโปร่งใส และรอบคอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 พ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีกำหนดลงพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อตรวจเยี่ยมการพัฒนาและยกระดับระบบบริการขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะการพัฒนาจุดเชื่อมต่อการเดินทาง “ล้อ ราง เรือ”
โดยช่วงเช้า นายกรัฐมนตรี เดินทางไปยังโรงเรียนวัดศรีบุญเรือง เขตบางกะปิ เพื่อเข้าแถวเคารพธงชาติร่วมกับนักเรียน ชมการแสดงโขน เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน ยกรบ ของนักเรียนโรงเรียนวัดศรีบุญเรือง และร่วมกิจกรรมมอบหมวกกันน็อกให้แก่ตัวแทนนักเรียนเพื่อส่งเสริมวินัยจราจรและความปลอดภัยบนท้องถนน
นายกรัฐมนตรี กล่าวกับนักเรียนและผู้ปกครอง ว่า ในวันนี้ มาลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาและอุปสรรคการทำงานที่ได้สั่งการลงไป ทั้งนี้สำหรับเขตบางกะปิ เป็นการอยู่ร่วมกันแบบพหุสังคม มีความหลากหลายทางด้านศาสนา แต่อยู่รวมกันได้อย่างสันติสุข และขอให้ทุกคนไม่ทะเลาะหรือขัดแย้งเหมือนที่ผ่านมา
“ผมเดินทางไปต่างประเทศ หลายประเทศก็ชื่นชมประเทศไทย ที่ผ่านมา รัฐบาลลงพื้นที่ทุกจังหวัด เพื่อดูแลคนทุกกลุ่ม โดยต้องเริ่มดูแลกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ผ่านการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐก่อน แล้วค่อยกำหนดในแนวทางการดูแลกลุ่มอื่น ๆ อย่างทั่วถึง ขอยืนยันว่าการใช้งบประมาณเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและผู้สูงอายุ ก็เพื่อต้องการดูแลลดภาระค่าใช้จ่าย ซึ่งการใช้จ่ายงบประมาณจะดำเนินการเป็นไปอย่างโปร่งใส ประหยัด ยืนยันไม่ได้ใช้จ่ายงบประมาณมากเกินไป และรัฐบาลคิดอย่างละเอียดรอบคอบ เป็นไปตามกฎหมาย และคำนึงถึงเงินภาษีจากประชาชน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ยังฝากครูให้พัฒนาการเรียนการสอน ขณะที่เด็กต้องมีความสนใจในการเรียนรู้ และไม่ใช่เรียนไปเพื่อสอบให้ผ่านอย่างเดียว แต่ต้องสามารถนำไปใช้ในอนาคตได้ เป็นทักษะชีวิต ยึดหลักเมตตา สามัคคี มีวินัย ใฝ่ความรู้ มีคุณธรรม รวมถึงให้ครูเฝ้าระวังเรื่องการใช้สื่อต่าง ๆ ของเด็ก ที่ขณะนี้เกิดการบิดเบือนกันง่าย โดยจะต้องสอนให้รู้เท่าทันและรู้ว่าอะไรถูกหรือผิด เพื่อปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องมีแผนแม่บทและยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อให้รัฐบาลใหม่มาสานต่อนโยบายที่วางไว้ แม้จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่ก็ต้องสานต่อ เพื่อให้ประเทศไทยพ้นกับดักประเทศรายได้ปานกลาง เป็นประเทศที่มีรายได้สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมารัฐบาลเปิดศูนย์ดำรงธรรม เพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ซึ่งมีมากถึง 4 ล้านเรื่องใน 4 ปี และรัฐบาลแก้ไขไปได้กว่าร้อยละ 90
ในช่วงหนึ่ง นายกรัฐมนตรีได้ถามประชาชนว่า จะมายื่นหนังสือร้องเรียนอะไรหรือไม่ เป็นเรื่องดีหรือไม่ดี หากเป็นเรื่องดี ๆ ต้องบอกให้คนอื่นรู้ โดยเฉพาะเรื่องดี ต้องบอกให้สื่อมวลชนรู้ เพราะบางครั้งสื่อมวลชนก็ไม่เชื่อ
“ผมจะทำให้มากขึ้นตราบใดที่ยังมีโอกาส ซึ่งส่วนตัวรับฟังทั้งหมดที่มีการร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมและช่องทางอื่น ๆ โดยเฉพาะปัญหาหนี้นอกระบบ จึงขอฝากผู้ปกครอง หากเจอการปล่อยกู้หนี้นอกระบบ ที่จ่ายดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ เพราะเป็นการเอาเปรียบคนอื่นเกินไป และขออย่าฟังที่มีใครสัญญาว่าจะให้ เพราะไม่สามารถให้ได้ แต่ทุกอย่างต้องแก้ด้วยตัวบทกฏหมาย ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองก็ไปไม่ได้ ที่ผ่านมา 4 ปีทำได้แค่นี้ กฏหมายหลายฉบับก็ออกได้ ซึ่งหลายอันเป็นกฏหมายที่ชาตินี้หรือชาติหน้าก็ออกไม่ได้ ดังนั้นอะไรที่ผมทำอยู่ตอนนี้ ขอให้เชื่อเถอะว่าคนอื่นไม่สามารถทำได้ เพราะผมมีวิธีการและมีกฏหมายที่สามารถปลดล็อกได้ ซึ่งวันข้างหน้าก็ไม่มีแล้ว และขออย่ามองทุกอย่างเป็นการเมืองไปหมด เพราะการเมืองคือการบริหารราชการแผ่นดิน ดังนั้นขอให้รับฟังนายกฯ บ้าง โดยเฉพาะรายการ ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนา อย่างยั่งยืน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อนายกรัฐมนตรี พบปะนักเรียน ผู้ปกครองแล้วเสร็จ ได้เข้าสักการะพระประธานพระพุทธศรีสุโขทัย (หลวงปู่สุโขทัย) ณ พระอุโบสถวัดศรีบุญเรือง และเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน OTOP ของเขตบางกะปิ ณ บริเวณหน้าวัดศรีบุญเรือง
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ลงเรือจากท่าเรือวัดศรีบุญเรือง ไปยังท่าเรือศูนย์การค้าเดอะพาซิโอ เพื่อติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาคลองแสนแสบ ส่วนต่อขยายทางน้ำ.-สำนักข่าวไทย