โฆษกรัฐบาลเผยยอดลงทะเบียนรับเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดเกินเป้า

257กรุงเทพฯ 10 ก.ย.-โฆษกรัฐบาล เผยยอดผู้ลงทะเบียนรับเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดเกินเป้า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสูงสุด ระบุเด็กที่เกิดช่วง 1 ต.ค.58 – 30 ก.ย. 59 ลงทะเบียนถึงสิ้นเดือนกันยายนนี้


พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดในปีงบประมาณ 2559 ว่า ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี มีผู้มาลงทะเบียนขอรับสิทธิ 136,490 คน ซึ่งมากกว่าเป้าหมายของโครงการฯ ที่ตั้งไว้ 128,000 คน โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีผู้มาลงทะเบียนสูงที่สุดคิดเป็นร้อยละ 41.36 ของทั้งหมด เบิกจ่ายเงินอุดหนุนไปแล้วร้อยละ 84.03  ซึ่งเด็กในครอบครัวผู้มีรายได้น้อยที่เกิดในช่วงปีงบประมาณ 2559 คือ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558 -30 กันยายน 2559 ยังสามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิ์ได้ภายในวันที่ 30 กันยายน 2559 โดยที่ผ่านมา มีผู้ได้รับสิทธิแล้ว 103,389 คน อยู่ระหว่างการพิจารณา 33,101 คน ขณะที่ปัญหาส่วนใหญ่ของผู้มาลงทะเบียน 5 อันดับแรก ได้แก่ ว่างงาน ร้อยละ 44.55 เป็นแม่วัยใส ร้อยละ 22.55 เลี้ยงเดี่ยว ร้อยละ 39.98 ประสบปัญหาที่อยู่อาศัย ร้อยละ 9.85 และกำลังศึกษาอยู่ร้อยละ 0.75

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า นอกจากเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดแล้ว รัฐบาลได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปเยี่ยมครอบครัว เพื่อให้ความช่วยเหลือในด้านอื่น ๆ ที่จะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของเด็กเพิ่มเติม อาทิ ช่วยปรับปรุงสภาพที่อยู่อาศัย จัดให้มีการอบรมการดูแลตนเองของหญิงตั้งครรภ์และการเลี้ยงดูเด็ก โดยโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด จะนำร่องใช้ระบบ e-Payment ภาครัฐ ในการจ่ายสวัสดิการให้แก่ผู้ได้รับสิทธิ ซึ่งจะเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลสวัสดิการสังคมของกรมบัญชีกลาง และจ่ายเงินผ่านบัญชีธนาคาร โดยเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนนี้


“นายกรัฐมนตรีฝากชื่นชมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงานทั้งส่วนกลางและในพื้นที่ ที่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนทราบและมาลงทะเบียนได้เกินกว่าที่ตั้งเป้าไว้ โดยจังหวัดที่มีการลงทะเบียนมากที่สุด 5 จังหวัดแรก ได้แก่ ปัตตานี นครศรีธรรมราช บุรีรัมย์ นครราชสีมา และนราธิวาส พร้อมกำชับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ให้เป็นแกนหลักในการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยใช้กลไกประชารัฐ สร้างความรู้ความเข้าใจ และความตระหนักให้แก่ครอบครัวของเด็กแรกเกิดที่มีรายได้น้อยในการเลี้ยงดูบุตรหลานให้มีคุณภาพ” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้แม่ที่กำลังตั้งครรภ์และมีกำหนดคลอดในช่วงวันที่ 1 ตุลาคม 2559 – 30 กันยายน 2560 สามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิในปีงบประมาณ 2560 ได้ตั้งแต่บัดนี้ ถึง 30 กันยายน 2560 ที่สำนักงานเขต สำนักงานเทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล สอบถามรายละเอียดได้ที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด และกรมกิจการเด็กและเยาวชน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง