เซี่ยงไฮ้ 5 พ.ย. – รองนายกรัฐมนตรีดึงหัวเหว่ย- ZTE ยักษ์ใหญ่เทเลคอมของจีนลงทุนด้านดิจิทัล 5 จี ในเขตอีอีซี ขับเคลื่อนเน็ตประชารัฐ แนะจัดแพ็กเก็จยื่นขอบีโอไอ รองรับปี 62 ปีทองแห่งการส่งเสริมลงทุนภาคตะวันออก หัวเหว่ยรับลูกพร้อมลงทุนสร้างสนามทดสอบ 5 จี หนุนนโยบายจีนจับมือญี่ปุ่นบุกประเทศที่ 3
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะ เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่าง 3-8 พฤศจิกายน 2561 เพื่อโรดโชว์แผนการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้หารือกับนายหลี่ จินเกอ ประธานบริหารภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี จำกัด บริษัท หัวเหว่ย เซี่ยงไฮ้ เป็นภาคธุรกิจเอกชนด้านเทเลคอมขนาดใหญ่ของจีน และได้หารือกับนายเสี่ยง หมิง รองประธานอาวุโส ZTE และนายหาน จือหมิง ประธาน ZTE Thailand ZTE เป็นรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ของจีนด้านเทลคอม เพื่อชวนเข้ามาลงทุน เนื่องจากรัฐบาลจีนและญี่ปุ่นได้มีนโยบายให้ภาคเอกชนทั้ง 2 ประเทศจับมือร่วมกันออกไปขยายการลงทุนในประเทศที่ 3 ประเทศไทยโดยเฉพาะเขตอีอีซีได้เป็นเป้าหมายหลักของนักลงทุน 2 ประเทศให้ความสำคัญ นับเป็นนโยบายหลักรองจาก One Belt One Road ของจีน เพื่อนำศักยภาพของทั้ง 2 ประเทศบุกตลาดประเทศที่ 3 ไทยจึงมีโอกาสนี้เข้ามาเสริมการดึงดูดการลงทุน
ทั้งนี้ เพื่อเชิญชวนหัวเหว่ยและ ZTE เข้ามาช่วยรัฐบาลไทยพัฒนาด้านเศรษฐกิจดิจิทัล โดยเฉพาะระบบ 5 จี รองรับการเปลี่ยนผ่านระบบเศรษฐกิจไทยเป็นสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ ด้วยคลังข้อมูล BigData ผ่านระบบ Cloud โหลดข้อมูลด้วยสปีดความเร็วสูงก้าวข้ามระบบ WIFI ไทยได้ริเริ่มตั้งไซเบอร์พอร์ตรองรับการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เพราะวิถีชีวิตจะเปลี่ยนไปทุกด้านมุ่งไปสู่การใช้อินเทอร์เน็ต ทั้งการซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ รถยนต์ไฟฟ้า เครื่องใช้ในบ้าน การศึกษา รักษาสุขภาพ ระบบสำนักงาน สมาร์ทซิตี้ เน็ตประชารัฐในชุมชน จึงต้องการให้ยักษ์ใหญ่วงการดิจิทัลมาช่วยยกระดับเปลี่ยนผ่านประเทศเทคโนโลยี 5 จี หลังจากบริษัทหัวเหว่ยร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพัฒนาระบบ Cloud เพื่อวางโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที หัวเหว่ยยังเตรียมทุ่มเงินทำสนามทดสอบระบบ 5 จี วงเงิน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเขตอีอีซี ช่วง 1 ปีข้างหน้า
รัฐบาลจึงเสนอให้เอกชนทั้งหัวเหว่ยและ ZTE จัดทำแพ็กเก็จแผนลงทุนในเขตอีอีซี เช่น แผนการลงทุน พัฒนาบุคลากร การสร้างอุตสาหกรรมต่อเนื่องด้านดิจิทัล การหาพันธมิตรร่วมทุนในประเทศไทย เสริมศักยภาพด้านต่าง ๆ เพื่อเสนอขอรับส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ เนื่องจากปี 2562 บีโอไอกำหนดให้เป็นปีทองแห่งการส่งเสริมการลงทุน ได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มหลายด้าน หากเร่งรัดการลงทุนปีหน้า และยังพร้อมนำเงินกองทุนพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันที่เหลือกว่าหมื่นล้านบาทมาช่วยส่งเสริมการลงทุนกับเอกชน เช่น การตั้งสถาบันวิจัย การพัฒนาด้านความรู้ ไม่ใช่การขอลงทุนเป็นการโครงการ รายสินค้าเหมือนที่ผ่านมา
นายสมคิด ยังชวนทั้งหัวเห่วยและ ZTE ขยายฐานการผลิตมือถือ ไอแพด คอมพิวเตอร์ มาตั้งประเทศไทย แม้ต้นทุนการผลิตในจีนจะต่ำกว่า แต่แนวโน้มเมื่อสงครามการค้าจีน-สหรัฐ ทวีความรุนแรง จะได้รับผลกระทบมากกว่า ขณะที่ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตของกลุ่ม CLMVT ซึ่งมีประชากรกว่า 200 ล้านคน และยังใช้ไทยเป็นฐานส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้ เพราะไทยไม่มีข้อขัดแย้งกับประเทศต่าง ๆ ขณะนี้ไทยได้ทำ FTA กับบังกลาเทศ จึงเป็นช่องทางส่งออกสินค้าไปยังอินเดียได้ เพราะอินเดียไม่ได้ทำ FTA กับประเทศต่าง ๆ ไทยจึงเหมาะเป็นฐานเจาะตลาดเอเชียใต้ .-สำนักข่าวไทย