บุรีรัมย์ ปะทะ เชียงราย ลุ้นดับเบิลแชมป์เอฟเอคัพเสาร์นี้

กทม. 25 ต.ค. – เอฟเอคัพ เดือด! “กว่างโซ้งมหาภัย” สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ปะทะ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ลุ้นดับเบิลแชมป์เสาร์นี้


ฟุตบอล ช้าง เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ เป็นรายการสุดท้ายของฟุตบอลไทยในปีนี้ เป็นการดวลกันระหว่าง “กว่างโซ้งมหาภัย” สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด พบกับ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคมนี้ ที่สนามศุภชลาศัย เวลา 19.00 น. ซึ่งนอกจากมีความหมายทั้ง 2 ทีมในการลุ้นคว้าดับเบิลแชมป์ในปีนี้แล้ว ยังมีพ่วงไปอีกทีมที่รอลุ้นเป็นตาอยู่คอยเสียบไปเล่นฟุตบอลถ้วยเอเชียในปีหน้า



สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด แชมป์เก่าปีที่แล้ว เพิ่งคว้าแชมป์โตโยต้า ลีก คัพ 2018 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยการเฉือนชนะ บางกอกกล๊าส เอฟซี 1-0

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพิ่งคว้าแชมป์ไทยลีก 2018 พร้อมกับทำคะแนนสูงสุดถึง 87 คะแนน และเป็นแชมป์รายการนี้ 4 สมัย ในปี 2011, 2012, 2013 และ 2015

เกมนี้เป็นเกมที่น่าสนใจ เพราะจะมีทีมที่ 3 รอเสียบไปเล่นฟุตบอลถ้วยเอเชีย เนื่องจากหากทีมเชียงรายสามารถคว้าแชมป์ได้ จะได้สิทธิ์ไปแข่งขันฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก รอบเพลย์ออฟ ทันที แต่ถ้าหากบุรีรัมย์ คว้าแชมป์ การท่าเรือ เอฟซี ทีมอันดับ 3 ของไทยลีก จะคว้าส้มหล่นไปเล่นเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก รอบเพลย์ออฟแทน เนื่องจากบุรีรัมย์ ได้สิทธิ์ไปเล่นในฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ในรอบแบ่งกลุ่ม เพราะได้สิทธิ์ในฐานะแชมป์ไทยลีกไปแล้ว

เกมนี้ยังมีความหมายกับ อเล็กซานเดอร์ กาม่า นอกจากจะเจอกับทีมเก่า บุรีรัมย์ และ เคยนำบุรีรัมย์ คว้าแชมป์ถ้วยเอฟเอ คัพ ในปี 2015 แล้ว เกมนี้ กาม่า จะคุมทีมเชียงราย ยูไนเต็ด เป็นนัดสุดท้าย โดยสื่อคาดว่า กาม่า จะไปคุมทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ในการลุ้นโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยประเทศไทยได้สิทธิ์เป็นเจ้าภาพ ศึก ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2020 ด้วย

สำหรับ กาม่า เคยคุมทีมทั้งในบราซิล, เอเชียตะวันออกกลาง รวมถึงเคยเป็นผู้ช่วยโค้ชทีมชาติเกาหลีใต้ ชุดคว้าอันดับสามฟุตบอลเอเชียนคัพ 2011 มาแล้ว เขาประสบความสำเร็จในการคุมสโมสรในประเทศไทย ด้วยการคว้าไปแล้ว 11 แชมป์ กับ 2 สโมสร ในช่วงระยะเวลา 4 ปี นับตั้งแต่ปี 2014-2016  ที่มาคุมทีมบุรีรัมย์ คว้า 8 แชมป์ และ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ในปี 2017-2018 คว้า 3 แชมป์

โดยผลงานของกาม่า ที่ผ่านมา คว้าแชมป์ไทยลีก 2 สมัย, แชมป์เอฟเอคัพ 2 สมัย, แชมป์ลีกคัพ 3 สมัย, แชมป์ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์ คัพ หรือ ถ้วยพระราชทานประเภท ก. เดิม 3 สมัย และ แชมป์โตโยต้า พรีเมียร์ คัพ 1 สมัย กาม่า กำลังลุ้นถ้วยใบที่ 12 ในวันเสาร์ที่ 27 ตุลาคมนี้ และจะเป็นใบที่ 4 ให้กับทีมเชียงรายด้วย

เกมนี้ยังไม่หยุดแค่นี้ ยังเป็นการวัดกันของ 2 ผู้รักษาประตู ว่า ใครจะเป็นมือหนึ่งทีมชาติไทย ในรายการ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 ที่จะแข่งในวันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ แทนที่ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ที่เล่นกับสโมสร โอเอช ลูเวิน ทีมในลีก 2 ของเบลเยียม และ สินทวีชัย หทัยรัตนกุล มือ 2 ก่อนหน้านี้ก็ประกาศเลิกเล่นทีมชาติไปแล้ว ทำให้ การขับเคี่ยวการแย่งเป็นมือหนึ่งทีมชาติไทย ระหว่าง ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน จากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ ฉัตรชัย บุตรพรม จากสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด สนุกเข้มข้นเช่นกัน

ทั้งคู่เพิ่งได้ลงสนามให้ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ไปคนละ 1 เกม ในแมตช์อุ่นเครื่องช่วงฟีฟ่าเดย์ ซึ่ง ศิวรักษ์ ลงโชว์ฟอร์มในเกมกับ ฮ่องกง ทีมชาติไทยชนะไปได้ 1-0

ฉัตรชัย บุตรพรม ได้ลงสนามในเกมกับ ตรินิแดดฯ ในฐานะตัวสำรอง สินทวีชัย หทัยรัตนกุล ในนาทีที่ 15 ซึ่งเกมนี้ทีมไทยชนะไปได้ 1-0 ซึ่งผลงานทั้ง 2 คนในนามทีมชาติยังไม่เสียประตูให้ใครในการลงสนาม เกมนี้จึงเป็นเกมสำคัญของตำแหน่งผู้รักษาประตูด้วย

ความพร้อมของสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ไม่มีปัญหาผู้เล่นตัวหลักบาดเจ็บ หรือ ติดโทษห้ามแข่ง ซึ่ง ธวัชชัย คำมุงคุณ ผู้เล่นเชียงราย กล่าวว่า ดีใจที่สโมสรเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศ ถ้วยใบนี้ถือว่าสำคัญ เพราะจะได้สิทธิ์แข่งขันฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ด้าน นายชิตวัน ชินอนุวัฒน์ ผู้อำนวยการสโมสรกว่างโซ้งมหาภัย กล่าวว่า เชื่อว่า ถ้วยใบนี้จะยังอยู่ภาคเหนือต่อไป

ด้านโบซิดาร์ บันโดวิช กุนซือปราสาทสายฟ้า จะไม่มี สุภโชค สาระชาติ เนื่องจากเจ็บศอกต้องพักยาว ส่วน จักรพันธ์ แก้วพรม ต้องลุ้นว่า จะหายเจ็บทันหรือไม่ ขณะที่ สุเชาว์ นุชนุ่ม กัปตันทีมบุรีรัมย์ พร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ หวังจะเอาถ้วยกลับไปบุรีรัมย์ให้ได้

สำหรับสถิติในปีนี้ ทั้ง 2 ทีมพบกันมา 3 ครั้ง เริ่มต้นจาก ศึกไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์ คัพ 2018 ซึ่ง สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เอาชนะจุดโทษ บุรีรัมย์ ไปได้ 6-5 หลังเสมอในเวลา 2-2

ขณะที่เกมในไทยลีก ต่างฝ่ายต่างเก็บชัยชนะได้ในบ้านตัวเองด้วยสกอร์ 1-0 เมื่อนับรวมผลการแข่งขัน 3 เกม เฉพาะ 90 นาที นั่นหมายถึงว่า พวกเขายังไม่มีทีมใดได้เปรียบเสียเปรียบ เกมที่สนามศุภชลาศัย ที่วันเสาร์นี้ ใครดีกว่ากันมีถ้วยเอฟเอคัพ 2018 เป็นเดิมพัน

สำหรับ สถิติที่พบกันทุกรายการเคยเจอ 18 ครั้ง บุรีรัมย์ชนะ 10 ครั้ง เชียงราย ชนะ 4 ครั้ง เสมอกัน 4 ครั้ง โดย แชมป์รายการนี้ จะคว้าเงินรางวัล 5 ล้านบาท พร้อมสิทธิ์ไปเตะเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก เพลย์ออฟ รอบ 2 ส่วนรองแชมป์ รับเงินรางวัล 1 ล้านบาท ส่วนบัตรเข้าชมมี 3 ราคา 150, 100 และ 80 บาท .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 หวัง GBC ได้ข้อสรุปที่ดี ลั่นไม่ถอยกำลังทหาร

กองทัพบก 4 ส.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่น ไม่ถอยกำลังทหาร หวังถก GBC ได้ข้อสรุปที่ดี แต่ยังคาดหวังอะไรไม่ได้หากสองประเทศยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกันก็จบง่าย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปชายแดนไทย-กัมพูชา (GBC) ที่ประเทศมาเลเซีย ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าคุยเรื่องอะไรกัน แต่ก็คาดหวังว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี หาข้อตกลงร่วมกันให้ดีที่สุด ส่วนที่หลายฝ่ายมีความกังวลสถานการณ์ชายแดน หลังวันที่ 7 สิงหาคม จะมีความตึงเครียดนั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้นำทั้งสองประเทศ จะเจอกันตรงจุดไหน หากยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกัน ก็จบง่าย ซึ่งตอนนี้ยังคาดเดาอะไรไม่ได้ ว่าผลจะออกมาอย่างไร เมื่อถามว่า ประเด็นเรื่องการถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน ยืนยันว่า “กองทัพไม่ถอย เพราะเรารุกในเขตพื้นที่อธิปไตยของเรา” สำหรับการดูแลชายแดนไทย-กัมพูชา กองทัพทั้งสองประเทศได้ปฏิบัติตามข้อตกลงการหยุดยิง ที่สองรัฐบาลได้พูดคุยกันไว้เพื่อความสงบสุขบริเวณชายแดน ซึ่งเราพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ยอมรับว่า มีปัญหาเรื่องโดรนไม่ทราบฝ่าย ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ได้บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้น รวมถึงการติดตามกลุ่มบุคคลที่ทำตัวเป็นสายลับ และไส้ศึก […]

สำนักโฆษก กห. พาย้อนเหตุการณ์ยุคเขมรแดงปี 1979-1980

4 ส.ค.- เตือนความจำเขมร! สำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม โพสต์ย้อนเหตุการณ์ไทยช่วยเขมร ยุคเขมรแดง ปี 1979-1980 เปิดประตูรับคนเขมรเป็นที่พึ่งสุดท้าย-เปิดค่ายพักพิงแบบไม่ลังเล วันนี้(4 ส.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจสำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม ได้เผยแพร่ข้อมูลการช่วยเหลือของฝ่ายไทยที่มีต่อชาวกัมพูชาในยุคเขมรแดง โดยข้อความระบุว่า จากคนที่หนีตายสู่คนที่หันปากกระบอกปืนกลับมา” เมื่อ ‘เขมร’ ลืมทุกอย่างที่ไทยเคยมอบให้ ปี 𝟏𝟗𝟕𝟗… ชาวกัมพูชานับแสน นับล้าน วิ่งหนีตายจากนรกบนดินที่ชื่อว่า “เขมรแดง” ข้ามพรมแดนมายังไทย ในสภาพหมดเรี่ยวแรง หิวโหย และเกือบสิ้นลมหายใจ คนไทยเปิดประตูให้เขาพักพิง ตอนนั้นประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียง “เพื่อนบ้าน” แต่กลายเป็น “ที่พึ่งสุดท้าย” เราส่งอาหาร เราเปิดค่ายพักพิง เราช่วยเหลือทั้งในนามรัฐบาล องค์กรพัฒนาเอกชน และแม้แต่ชาวบ้านธรรมดา ๆ ที่ยอมแบ่งข้าวเพียงคำเดียวให้ผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา การอพยพที่ไม่มีแผนที่เริ่มตั้งแต่ต้นปี 𝟏𝟗𝟕𝟗 จนถึงต้นยุค 𝟏𝟗𝟖𝟎𝐬 มีชาวกัมพูชาจำนวนมหาศาล บางแหล่งบอกว่ารวมกันถึง 𝟔 แสนถึง 𝟖 แสนคน อพยพอย่างไร้ทิศทางบางคนเดินเท้าเป็นร้อยกิโลเมตรจากกลางประเทศกัมพูชา หลายคนไร้เอกสาร ไม่มีอาหาร ไม่มีเป้าหมาย […]

กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศ

ก.ต่างประเทศ 4 ส.ค.-กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา คาดแจงข้อมูลที่บิดเบือน หลังกัมพูชาปล่อยเฟคนิวส์ต่อเนื่อง ด้าน “มาริษ” ย้ำไทยไม่ได้เริ่มก่อน ยึดแก้ปัญหาผ่านกลไกทวิภาคี เรียกร้องกัมพูชายึดหลักสันติวิธี-จริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ร่วมกับ นายปิยภักดิ์ ศรีเจริญ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก และ นางสาวพินทุ์สุดา ชัยนาม อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ณ ห้องนราธิป กระทรวงการต่างประเทศ โดยคาดว่าจะเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงภายหลังจากที่ฝ่ายกัมพูชามีการให้ข้อมูลที่บิดเบือนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ก่อนการบรรยาย นายมาริษ กล่าวเปิดโดยขอบคุณผู้ที่เข้าร่วมรับฟังการบรรยายในวันนี้ พร้อมชี้แจงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และท่าทีของไทยต่อกรณีดังกล่าว โดยตนตั้งใจจะแบ่งการบรรยายเป็น 2 ประเด็นหลัก คือ 1. การเจรจาหยุดยิงที่มาเลเซียเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งไทยขอประท้วงต่อฝ่ายกัมพูชากรณีที่ละเมิดกฎหมายมนุษยชนและใช้ความรุนแรง โดยมีเป้าหมายแบบไม่เลือกเป้าและโจมตีไปที่พลเรือน รวมถึงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งขัดต่อหลักการของอนุสัญญาออตโตวา ในขณะที่ไทยปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด จึงหวังเป็นอย่างยิ่งให้กัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างจริงใจด้วยเช่นกัน ภายใต้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ส่วนประเด็นที่ 2 คือการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ระหว่างวันที่ 4-7 สิงหาคม […]

EOD ทำลายวัตถุระเบิด ใกล้ปั๊มน้ำมันบ้านผือ จ.ศรีสะเกษ 

ศรีสะเกษ 4 ส.ค. – เจ้าหน้าที่อีโอดีเก็บกู้จรวด BM 21 ที่กัมพูชายิงเข้ามาตกและฝังอยู่ในพื้นถนนกันทรลักษ์อีกจุด ใกล้กับปั๊มน้ำมันที่ถูกกัมพูชายิงใส่วันที่ 24 ก.ค. เช่นเดียวกัน บรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บวัตถุระเบิดหรือ EOD จากตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ตำรวจ ตชด.ที่22 อุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย หรือ TMAC เข้าเตรียมความพร้อมเพื่อเก็บกู้ทำลายวัตถุระเบิดแรงสูง ประเภท BM21 ที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่ แล้วตกลงไปฝังอยู่ในถนน กันทรลักษ์-เขาพระวิหาร ในพื้นที่ อำเภอกันทรลักษ์ เป็นจรวด BM 21 ที่ถูกยิงมาในวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊ม ปตท. บ้านผือ ระเบิดจุดนี้ อยู่ห่างจากปั๊ม ปตท. บ้านผือ ประเมาณ 500 เมตร และห่างจากจุดที่มีการเก็บกู้ จรวดบีเอ็ม 21 บนถนนกันทรลักษ์ลูกแรก ในวันที่ 2 สิงหาคม […]