ปตท.สผ.กำไรไตรมาส 3 กว่าหมื่นล้านบาท

กรุงเทพฯ 25 ต.ค. – ปตท.สผ. เผยกำไรสุทธิไตรมาส 3 กว่า 10,000  ล้านบาท สถานะการเงินแข็งแกร่ง พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุน เติบโตอย่างต่อเนื่อง


นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ เปิดเผยว่า ไตรมาส 3 ปี 2561 มีกำไรจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 292 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 9,664 ล้านบาท จากราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่ปรับตัวสูงเป็น 47.67 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ จาก 38.78 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ประกอบกับปริมาณการขายเฉลี่ยที่เพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ 304,940 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จาก 298,139 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งนี้ มีกำไรจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติรวม 23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 737 ล้านบาท ส่งผลให้ไตรมาส 3 ปี 2561 ปตท.สผ.มีกำไรสุทธิ 315 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 10,401 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ 264 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือ 8,682 ล้านบาท ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า

สำหรับผลประกอบการ 9 เดือนนั้น ปตท.สผ.มีรายได้รวม 3,960 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 127,434 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 จาก 3,252 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 111,430 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนหน้า ซึ่งมีแรงสนับสนุนหลักมาจากราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยและปริมาณขายเฉลี่ยที่สูงขึ้น โดยมีกำไรสุทธิรวม 851 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 27,372 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 100 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าซึ่งมีกำไร 305 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 11,138 ล้านบาท เนื่องจากมีการรับรู้รายการด้อยค่าสินทรัพย์


ส่วนสถานะการเงิน 9 เดือน ปตท.สผ.สามารถสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานได้ถึง 2,264 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 72,695  ล้านบาท โดยมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดถึง 3,804 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ หรือ 123,273 ล้านบาท ขณะที่มีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเพียง 0.17 เท่า ทำให้ ปตท.สผ. มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง พร้อมรองรับแผนการลงทุนตามแผนงาน รวมถึงรองรับค่าใช้จ่ายเพื่อเร่งพัฒนาโครงการต่าง ๆ การเข้าซื้อกิจการ (M&A) และต่อยอดสู่ธุรกิจใหม่ที่สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ของบริษัท

“ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จจากการดำเนินแผนกลยุทธ์เน้นลงทุนในพื้นที่ยุทธศาสตร์และมีความเสี่ยงต่ำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สะท้อนผ่านความสำเร็จในการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในแหล่งบงกช ซึ่งเป็นโครงการหลักของ ปตท.สผ. ส่งผลให้ปริมาณการขายและกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นทันที และยังคงมุ่งมั่นมองหาโอกาสเข้าซื้อกิจการและขยายการลงทุนในแหล่งสำรวจปิโตรเลียมที่มีศักยภาพสูง ทั้งในตะวันออกกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคง และยังปรับตัวรับมือกับภาพธุรกิจพลังงานที่มีความท้าทายทางธุรกิจที่ด้วยแนวทาง Transformation เพื่อให้องค์กรมีความพร้อมและเดินหน้าต่อยอดการลงทุน เน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ E&P ที่มีตลาดรองรับ เช่น Gas to Power ขณะเดียวกันศึกษาโอกาสทางธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพ เช่น เทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ และพลังงานทางเลือก”  นายพงศธร กล่าว

สำหรับการประมูลแหล่งสัมปทานที่กำลังจะหมดอายุทั้งแหล่งบงกชและเอราวัณนั้น ปตท.สผ.ได้ยื่นประมูลเองในแหล่งบงกช ส่วนแหล่งเอราวัณ ปตท.สผ. ได้เข้าร่วมประมูลกับบริษัท มูบาดาลา ปิโตรเลียม (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ลงทุนในแหล่งสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทย จึงมีความเข้าใจพื้นที่ดังกล่าวเป็นอย่างดี โดย ปตท.สผ.มีความพร้อมในการเป็นผู้ดำเนินการในทั้ง 2 แหล่ง ซึ่งคาดว่าจะทราบผลการประมูลสิ้นปีนี้


นอกจากนี้ บริษัทยังเร่งรัดการพัฒนาโครงการที่อยู่ระหว่างรอการตัดสินใจขั้นสุดท้ายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่สำคัญตามแผนกลยุทธ์ของ ปตท.สผ. ที่มีความคืบหน้าอย่างมากทั้งในการเตรียมการก่อสร้างโรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวบนบก และ  การสรุปสัญญาซื้อขายระยะยาว กับผู้ซื้อรายต่าง ๆ เพื่อผลักดัน การตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย  ตามเป้าหมายภายในครึ่งแรกของปี 2562 โดยผู้ร่วมทุนในโครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน ได้มีการลงนามเพิ่มในสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลวกับบริษัท โทโฮกุ อิเล็กทริก พาวเวอร์ ปริมาณ 280,000 ตันต่อปี นอกเหนือจากที่มีการลงนามกับบริษัท เอเล็กทริซิเต้ เดอ ฟรองซ์  หรือ EDF ปริมาณ 1,200,000 ตันต่อปี โดยทั้งนี้คาดว่าโครงการจะสามารถเริ่มการผลิตได้ภายในปี 2566.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย