กทม. 24 ต.ค. – ประธานสโมสรทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ประกาศแย่งแชมป์ไทยลีก 2019 กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หลังเปิดตัว 3 นักเตะใหม่ดีกรีทีมชาติไทย
นายขจร เจียรวนนท์ ประธานสโมสรทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด รองแชมป์ไทยลีก 2018 เปิดตัว 3 นักเตะใหม่ดีกรีทีมชาติไทย ที่คว้ามาร่วมทีมสู้ศึกไทยลีก 2019 และศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2019 รอบคัดเลือก โดยการคว้าตัวทั้งสามคนมาในครั้งนี้ ไม่ได้มีการเปิดเผยเรื่องค่าตัวและค่าเหนื่อย
คนแรก ทริสตอง โด แบ็คขวาวัย 25 ปีดีกรีทีมชาติไทย จากเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ลงเล่นไทยลีก 2018 ให้ “กิเลนผยอง” 32 นัด ซัดไป 6 ประตู แอสซิสต์ให้เพื่อนทำประตู 9 ครั้ง จะได้สวมเสื้อหมายเลข 7 และได้มีการเปิดเผยจากทีมงานว่า โด เป็นนักเตะที่มีค่าตัวมากที่สุดของสโมสรในเวลานี้ มากกว่าปกเกล้า อนันต์ ที่เคยจากชลบุรี มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 20 ล้านบาท
คนที่ 2 “บาส” พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา แบ็คซ้ายวัย 25 ปี ดีกรีทีมชาติไทย จากเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ลงเล่นไทยลีกฤดูกาล 2018 ให้ เมืองทอง ไป 31 นัด แอสซิส ให้เพื่อนยิงประตู 4 ครั้ง จะได้สวมเสื้อหมายเลข 31 ซึ่งทั้งทริสตอง โด กับ พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา เซ็นสัญญาคนละ 4 ปี เป็นสองนักเตะที่ มาโน่ กับสตาฟฟ์โค้ชต้องการมาเสริมเกมริมเส้นทั้งสองข้าง
คนที่ 3 อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ มิดฟิลด์ตัวรุก จากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด วัย 23 ปี ที่ถูกบางกอกกล๊าส เอฟซี ยืมตัวมาลงเล่นไป 15 นัดยิงไป 3 ประตู จะได้สวมเสื้อหมายเลข 27 ด้วยสัญญา 5 ปี ซึ่งทั้งสามคนก็บอกว่า ดีใจที่ได้ย้ายมาร่วมทีมแบงค็อก ยูไนเต็ด และหวังจะพาต้นสังกัดใหม่คว้าแชมป์ไทยลีกสมัยแรกให้ได้
โดยการเสริมทัพครั้งนี้นายขจร เจียรวนนท์ ประธานสโมสรทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด มั่นใจว่าจะทำให้ขุมกำลังของทีมมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ภายใต้การคุมทีมของมาโน่ โพลกิ้ง กุนซือวัย 42 ปี พร้อมประกาศแย่งแชมป์ไทยลีก 2019 จาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดให้ได้ และในศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีกตั้งเป้าเข้ารอบแบ่งกลุ่มให้ได้เป็นอย่างน้อย โดยจะต้องลงแข่งขันรอบคัดเลือกในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ปีหน้า พบกับ สโมสรจากเวียดนาม, ฟิลิปปินส์ หรือ เมียนมา ซึ่งหากชนะจะเข้ารอบเพลย์ออฟไปเยือนสโมสรจากจีน หรือญี่ปุ่น ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ เพื่อลุ้นเข้ารอบแบ่งกลุ่มต่อไป
ระหว่างแถลงข่าวได้ไลฟ์สดผ่านเฟสบุ๊กของสโมสร ซึ่ง สรรวัชญ์ เดชมิตร มิดฟิลด์ของแบงค็อก ได้เข้ามาคอมเมนท์เชิงติดตลกว่า “ขายใครไหมครับ ฝากถามหน่อยครับ” ขณะที่ ธีราทร บุญมาทัน กองหลังเพื่อนร่วมทีมชาติ ได้เข้ามาแซวว่า “ขายสรรวัชญ์ไหมครับ” “และเบอร์ 29 เก็บไว้ทำไมครับ”
นอกจาก 3 นักเตะใหม่ที่เปิดตัวในวันนี้แล้ว ทางแบงค็อก เตรียมคว้า 2 นักเตะต่างชาติในตำแหน่งศูนย์หน้าดีกรีทีมชาติ ในโควต้านักเตะเอเชียอีก 2 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นที่ใกล้จะบรรลุข้อตกลงแล้วคือ เนลสัน โบนีญ่า หัวหอกชาวเอลซาวาดอร์ วัย 28 ปี จากสุโขทัย เอฟซี ที่ลงเล่นไป 32 นัด ยิงไป 25 ประตู ส่วนอีก 1 คนต้องรอให้ลีกของนักเตะปิดฤดูกาล นอกจากนี้ประธานสโมสรทรู แบงค็อก ยังมีแผนที่จะสร้างสนามเหย้าของตัวเอง แทนที่จะเช่าที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ความจุประมาณ 10,000 ที่นั่ง แต่ยังต้องพิจารณาผลได้ผลเสียอีกครั้ง แต่ถ้าจะสร้างจริงก็มีที่ดินบริเวณสมุทรปราการไว้เรียบร้อยแล้ว
ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด หรือ “แข้งเทพ” ถ้าย้อนไปก่อนหน้านี้ เคยคว้าแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 1 สมัยในปี 2006 และได้รับสิทธิไปร่วมเล่นใน เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก โดยตอนนั้นชื่อว่าสโมสรฟุตบอลมหาวิทยาลัยกรุงเทพ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2552 มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้มีการร่วมเป็นพันธมิตรกับ กรุงเทพมหานคร ที่เข้ามาเป็นผู้สนับสนุน จึงมีการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น แบงค็อก ยูไนเต็ด ก่อนมาเป็น ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ปัจจุบัน
ซึ่งปัจจุบันถือว่าเป็นอีก 1 ทีมที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าบุญทุ่มในเมืองไทยในยุคการบริหารของคุณขจร เจียรวนนท์ ที่เข้ามานั่งเป็นประธานสโมสร เนื่องจากคว้านักเตะชื่อดังดีกรีทีมชาติไทยมากมายก่อนหน้านี้มาร่วมทีม ปกเกล้า อนันต์, มิก้า ชูนวลศรี, สุมัญญา ปุริสาย, สรรวัญช์ เดชมิตร, ธีรเทพ วิโนทัย, รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก, ทศวรรษ ลิ้มวรรณสเถียร, มานูเอล ทอมเบียร์ ลูกครึ่งไทย-เยอรมัน รวมทั้งนักเตะต่างชาติเข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง
และเป็นอีกหนึ่งทีมที่ลุ้นคว้าแชมป์ในฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกมาโดยตลอดในช่วง 4-5 ปีหลังสุด แต่สุดท้ายทำผลงานดีที่สุดคว้าอันดับ 2 ได้ 2 สมัยในปี 2016 และล่าสุดปีนี้ แข่ง 34 นัด ชนะ 21 นัด เสมอ 8 นัด แพ้ 5 นัด มี 71 คะแนน เป็นรอง บุรีรัมย์ ที่คว้าแชมป์ไปครองถึง 16 คะแนน และเคยคว้าอันดับ 3 ในปี 2017 รวมถึงรองแชมป์ฟุตบอลเอฟเอ.คัพ ในปีเดียวกัน
ซึ่งในฤดูกาล 2019 ในปีหน้า “แข้งเทพ”ยังเป็นคู่แข่งสำคัญในการลุ้นแชมป์กับสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รวมถึงเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และการท่าเรือ เอฟซี
นอกจากนี้ทีม”แข้งเทพ” ภายใต้การคุมทีมของ มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือชาวบราซิลยังเล่นเกมรุกสุดดุดัน ยิงประตูเยอะ โดยมาโน่เป็นกุนซือไทยลีก ที่คุมทีมยาวนานที่สุดในปัจจุบันรวมแล้วคุมทีมมา 4 ปีแล้วตั้งแต่มิถุนายนฤดูกาล 2014 ในบรรดาทีมที่เหลือไม่มีใครคุมทีมนานเท่ามาโน่อีกแล้ว
มาเมืองไทยตอนที่วินฟรีด เชเฟอร์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าโค้ชทีมฟุตบอลทีมชาติไทย แต่เชเฟอร์ไป มาโน่ไม่ไปอยู่เมืองไทยมาตั้งแต่ปี 2011 คุมอาร์มี ไปสุพรรณ และอยู่แบงค็อกมา 4 ปีแล้ว .- สำนักข่าวไทย