“ภูมิธรรม” ยันเพื่อไทยมีความเป็นเอกภาพ

พรรคเพื่อไทย 18 ต.ค.-“ภูมิธรรม” ระบุพรรคเพื่อไทยจะมีความชัดเจนการเลือกกรรมการบริหารพรรค และหัวหน้าพรรค 28 ต.ค.นี้ ปัดข่าวอดีต ส.ส.ภาคอีสาน ไม่ขอร่วมงานกับ “คุณหญิงสุดารัตน์” ยันพรรคมีความเป็นเอกภาพ ด้าน “จาตุรนต์” ขอบคุณประชาชน 3 จว.ใต้ที่เชื่อมั่นพรรค มาสมัครเป็นสมาชิก


นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมพรรคเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยชุดใหม่ในวันที่ 28 ตุลาคมนี้ ว่า ขณะนี้มีความพร้อมทุกด้านเเล้ว ในวันดังกล่าวจะมีความชัดเจนในการเลือกกรรมการบริหารพรรคทั้ง 11 คนแน่นอน รวมถึงหัวหน้าพรรค และผู้ที่จะทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง

ส่วนกระแสข่าวมีอดีต ส.ส.ภาคอีสานของพรรค 40 คนมาหารือ ไม่ขอร่วมงานกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่มีข่าวจะมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่พรรคจะมีความคิดเห็นที่หลากหลาย แต่ตนขอยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ไม่มีใครมาพบตน ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีข่าวลักษณะนี้เรื่อยมา และผู้ใหญ่ในพรรคทุกคนเข้าใจสถานการณ์และทราบเรื่องดีว่าการเเสดงความเห็นเป็นปกติของทุกพรรคการเมือง


“เรื่องตบเท้ามาพบผมนั้น ไม่เป็นความจริงแน่นอน เป็นข่าวลือที่กำลังตรวจสอบหาแหล่งที่มาอยู่ว่าใครเป็นผู้ปล่อยข่าวที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ทำให้เกิดความเสียหายและความสับสน วันนี้พรรคเพื่อไทยมีความเป็นเอกภาพ ความแตกต่างที่ใครจะชอบจะเชียร์ใครเป็นเรื่องปกติ ตราบใดที่ยังไม่มีการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ แต่ถ้าเลือกแล้ว ไม่ว่าใคร ทุกคนยังทำงานร่วมกันได้เหมือนเดิม” นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ไม่ทราบเรื่องที่จะมีอดีต ส.ส.ภาคอีสานเดินทางไปพบกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ฮ่องกง เพื่อให้หาทางออกแก้ปัญหาเรื่องหัวหน้าพรรค แต่ยืนยันว่าการเลือกหัวหน้าพรรคเป็นเรื่องภายในของพรรค ไม่เกี่ยวกับอดีตนายกรัฐมนตรี และแม้จะมีข่าวเกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยและนายทักษิณบ่อยครั้ง แต่พรรคเพื่อไทยไม่ได้ถูกครอบงำโดยใคร จึงไม่กังวลว่าจะถูกยุบพรรค เพราะไม่ทำสิ่งใดที่ผิดกฎหมาย สำหรับการที่บุตรชายและบุตรสาวของนายทักษิณจะสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทย ส่วนตัวถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ขณะนี้ทราบจากข่าว ยังไม่ได้มาสมัครแต่อย่างใด

“สิ่งที่รัฐบาลควรทำในตอนนี้ คือ ปลดล็อกการเมืองทั้งหมด เพราะไม่มีเรื่องใดที่น่ากังวลเกี่ยวกับความไม่สงบอีกต่อไปแล้ว ในบรรยากาศที่ทุกอย่างกำลังเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง และส่วนตัวไม่ติดใจที่มีบางพรรคการเมืองลงพื้นที่พบปะประชาชนรับฟังความเห็นทำนโยบาย และถือว่าเป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตยที่ทุกพรรคการเมืองพึงกระทำได้ รวมถึงเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเฟสบุ๊คสื่อสารกับประชาชน ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ แต่ขอให้ทุกอย่างทำอย่างเท่าเทียมกัน” นายภูมิธรรม กล่าว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่พรรคเพื่อไทยวันนี้ (18 ต.ค.) มีประชาชนจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ ภายใต้ชื่อ “กลุ่มสลาตัน” เดินทางมา เพื่อสมัครสมาชิกพรรค

โดยนายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ประชาชนยังศรัธทราและเชื่อมั่นพรรคเพื่อไทย ซึ่งทราบว่ายังมีประชาชนอีกกว่า 1,000 คนที่จะมาสมัครสมาชิกพรรค แต่ติดปัญหาการเดินทาง ซึ่งปัญหาดังกล่าว พรรคหาวิธีอำนวยความสะดวกเพื่อรับสมัครสมาชิกพรรคในพื้นที่ภาคใต้ต่อไป

ด้านนายภูมิธรรม กล่าวขอบคุณและขอโทษประชาชน 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่ต้องเดินทางมาสมัครสมาชิกพรรคที่กรุงเทพมหานครด้วยตนเอง ซึ่งสาเหตุที่พรรคเพื่อไทยไม่สามารถเดินทางไปรับสมัครสมาชิกได้ถึงพื้นที่ เพราะติดขัดข้อกฏหมายเลือกตั้ง โดยเฉพาะคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 ที่ยังไม่ปลดล็อกให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมได้ แต่ไม่อยากให้ข้อกฏหมายเหล่านี้มาเป็นอุปสรรค ทั้งนี้หากกระบวนการทางกฏหมายเสร็จสิ้น จะไปพบปะกับประชาชนอย่างเป็นทางการในการรับฟังข้อเสนอแนะต่าง ๆ จากประชาชน เพื่อนำมากำหนดแนวทางนโยบายของพรรคเพื่อให้เป็นพรรคที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตั้ง กก.สอบ 7 ตำรวจ บก.จร.ทำร้ายลูกชายอดีต ตร. พ่อยันเอาเรื่องถึงที่สุด

กองบังคับการตำรวจจราจร ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรง 7 ตำรวจ บก.จร. รุมทำร้ายลูกชายอดีตตำรวจ พ่อและน้องสาวยืนยันไม่ยอมความ เอาเรื่องถึงที่สุด พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย

ครอบครัวผู้เสียหายที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เผยอาการยังสาหัส ยันไม่ยอมความ แม้มีกระเช้าปริศนามาให้แล้ว 3 กระเช้า พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผยพฤติกรรมตัวเอง ด้าน รอง ผบช.น. ยันตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่กระทำไป

ครอบครัวของผู้บาดเจ็บที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน และชุดสืบสวนของ สน.บางเขน ก่อนเดินไปชี้จุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่าน และเป็นจุดเดียวกับที่ตำรวจพาผู้บาดเจ็บเข้ามาจอดรถไว้หลังก่อเหตุทำร้ายร่างกาย เพื่อตรวจสอบว่ารถของผู้บาดเจ็บเป็นรถคันเดียวกับที่ได้ขับแหกด่านหรือไม่ โดยก่อนการชี้จุด พ่อและน้องสาวของผู้ได้รับบาดเจ็บเดินทางมาพร้อมกับร้อยเวร สถานีตำรวจนครบาลบางเขน เจ้าของพื้นที่ เพื่อชี้จุดและให้ข้อมูลกับตำรวจเพิ่มเติม ระหว่างรอตัวผู้บาดเจ็บพักรักษาตัวจนสามารถเข้าให้การกับตำรวจได้

นางสาวธนัชตา น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกว่า พี่ชายยังต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จุดที่น่าเป็นห่วงคือบริเวณศีรษะทั้งหมด โดยเฉพาะดวงตาขวามีเลือดออก การมองเห็นยังไม่ปกติ ส่วนตามร่างกายมีร่องรอยฟกช้ำ แต่ยังโชคดีที่ไม่มีส่วนใดต้องผ่าตัด

เหตุการณ์ครั้งนี้รู้สึกรับไม่ได้ ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะเข้าข้อกฎหมายข้อไหนพร้อมจะต่อสู้ มองว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะพี่ชายของตนไปคนเดียวและไม่มีอาวุธ แต่คู่กรณีเป็นถึงตำรวจ และมีด้วยกันถึง 7 นาย ทันทีที่รู้เรื่องตนเองรีบเดินทางมาที่ด่านทันที พยายามสอบถามว่าตำรวจนายไหนเป็นคนทำพี่ชายของตนเอง แต่ไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งพี่ชายพยายามบอกแล้วว่าไม่ใช่คนขับรถหนีด่าน

นางสาวธนัชตา ยังฝากถึงตำรวจตั้งด่านทุกนายว่าทุกคนมีกล้องติดหน้าอก ตนเองพยายามขอดูแต่มีการอ้างว่ากล้องเสียบ้าง เปิดไม่ได้บ้าง จึงอยากฝากไปถึงตำรวจตั้งด่านในวันนั้นทุกนายให้เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย เพื่อเป็นการยืนยันเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะเหตุการณ์วันนั้นตนเองก็มีหลักฐาน รวมถึงพยานคือคนที่เข้าด่านตรวจก็เห็นทุกคนว่าเหตุการณ์ตรงนั้นเกิดอะไรขึ้น อยู่ที่ตำรวจจะกล้าหรือไม่กล้า

น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกอีกว่าเมื่อวานนี้ (4 ธ.ค.) มีกระเช้าผลไม้-ดอกไม้ปริศนา ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของใคร หรือของตำรวจสังกัดใดบ้างนำมาเยี่ยม ขอย้ำว่าไม่ขอรับกระเช้า เพราะไม่สามารถรู้ได้เลยว่านำเอามาให้ด้วยเหตุผลอะไรแอบแฝง

ด้าน พันตำรวจโท ธนชัย เกิดศรี หรือสารวัตรเจี๊ยบ อดีตพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. ซึ่งเป็นพ่อของผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ในฐานะที่ตนเคยเป็นอดีตตำรวจกองบังคับการตำรวจจราจรมาก่อนไปอยู่ บก.ปทส. ตามปกติแล้วตำรวจมีขั้นตอนในการใช้ยุทธวิธีเพื่อจับผู้ต้องหาด้วยเครื่องพัฒนาการอยู่แล้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงที่เกินกว่าเหตุแบบนี้ กรณีหากผู้ต้องหามีการต่อสู้หรือขัดขวาง ตำรวจไม่มีสิทธิที่จะไปรุมทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ซึ่งจะพยายามเลี่ยงการใช้กำลังให้น้อยที่สุด การจับกุมตำรวจต้องมีการแสดงตัวเป็นตำรวจ พร้อมกับแจ้งให้ทราบว่าทำอะไรผิด จากนั้นจะเชิญตัวมาที่ด่านหรือโรงพักในพื้นที่ เพื่อดำเนินการสอบปากคำและพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาในภายหลัง

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่คาดคิดว่าจะมาเกิดขึ้นในยุคสมัยนี้ เพราะมีโซเชียลเป็นหูเป็นตา ยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจาไกล่เกลี่ย แม้ว่าจะให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงลงมาพูดคุยก็ตาม เมื่อวานนี้ทางพยาบาลแจ้งว่ามีตำรวจนำกระเช้ามามอบให้แล้ว 3 กระเช้า แต่ตนไม่รับ เพราะไม่รู้ว่ามาด้วยวัตถุประสงค์อะไร และไม่รู้ว่าเป็นของหน่วยงานใด เนื่องจากพยาบาลแจ้งแค่ว่าเป็นตำรวจเท่านั้น

ส่วนความคืบหน้าคดี พันตำรวจเอก อนันต์ วรสาตร์ ผู้กำกับการ สน.บางเขน ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สอบปากคำน้องสาวและแม่ของผู้บาดเจ็บในฐานะพยาน ส่วนผู้บาดเจ็บตอนนี้แพทย์ยังไม่อนุญาตให้พนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำ เนื่องจากยังอยู่ในอาการสาหัส

ส่วนกรณีผู้ก่อเหตุทั้ง 7 นายที่เป็นตำรวจ ตอนนี้ยังไม่มีการสอบปากคำ เนื่องจากพนักงานสอบสวนอยากทราบพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุจากผู้เสียหายก่อน ยืนยันว่าจะไม่มีการช่วยเหลือแม้ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุจะเป็นตำรวจก็ตาม

ด้าน พลตำรวจตรี ธวัช วงศ์สง่า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งดูแลรับผิดชอบงานจราจร ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เบื้องต้นผู้บังคับการตำรวจจราจรกลาง รายงานมาเบื้องต้นว่าผู้ก่อเหตุที่เป็นตำรวจทั้ง 7 นาย บอกว่ามีการเข้าใจผิด คิดว่าจะขับรถแหกด่านจึงมีการตามไป ก่อนที่ผู้เสียหายจะมีการขัดขืน ทำให้ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องใช้กำลังในการระงับเหตุ ยอมรับว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุจริงๆ ตอนนี้ทราบว่ากองบังคับการตำรวจจราจรมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงขึ้นแล้ว ส่วนทางคดีอาญาอยู่ที่ สน.บางเขน

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องชี้แจงและยอมรับกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป รวมทั้งอาจจะต้องทบทวนเรื่องยุทธวิธีที่่ใช้ในการระงับเหตุ แต่ยืนยันว่าตำรวจไม่เคยมีวิธีระงับเหตุด้วยการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด.-414-สำนักข่าวไทย

สุดจึ้ง! ซาลาเปาแฟนซีแฮนด์เมด รายได้ครึ่งล้านต่อเดือน

“คุณจารุวรรณ” วัย 78 ปี พร้อมครอบครัว ช่วยกันคิดค้นสูตรซาลาเปาแฟนซีเป็นเจ้าแรกใน จ.ตรัง ส่งขายทั่วทุกภาคของประเทศ สร้างรายได้เดือนละ 450,000-500,000 บาท และมีแผนส่งออกไปขายยังต่างประเทศในต้นปีหน้า

เจ้าของคลินิกซิ่งชนไรเดอร์ตกสะพานเสียชีวิต

เจ้าของคลินิกเสริมความงามชื่อดัง ซิ่งเบนซ์ชนไรเดอร์หญิง ตกสะพานต่างระดับย่านพระรามสี่ เสียชีวิต วัดปริมาณแอลกอฮอล์ผู้ก่อเหตุ สูงเกินกฎหมายกำหนด

เปิดให้สักการะ “พระเขี้ยวแก้ว” วันแรก

ริ้วขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุพระเขี้ยวแก้ว ถึงยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวงแล้ว พร้อมเชิญชวนประชาชนสักการะ วันนี้ (5 ธ.ค.) วันแรก ตั้งแต่ 07.00 น.เป็นต้นไป

ข่าวแนะนำ

แข่งเรือใบ ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า

ทะเลภูเก็ตคึกคัก เรือใบร่วม 200 ลำ จากทั่วโลก ร่วมแข่งขันรายการ “ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า” และร่วมสร้างสีสันการท่องเที่ยว ที่สำคัญปีนี้ยังเป็นปีที่ 2 ที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ มาร่วมแข่งขันด้วย

ยังไร้วี่แววส่ง 4 ลูกเรือประมงกลับไทย

เมียนมาเงียบกริบ! ยังไร้วี่แววส่งตัว 4 ลูกเรือประมงกลับไทย จนท.ในพื้นที่เผยจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานใดๆ ที่เป็นลายลักษณ์อักษรจากทางเมียนมา มีเพียงการประสานจากเนปิดอว์มายังเกาะสองด้วยวาจาเท่านั้น

นายกฯ ยันไม่ปรับ VAT เป็น 15% ย้ำรับฟังทุกภาคส่วน

“นายกฯ แพทองธาร” ยืนยัน ไม่ปรับ VAT เป็น 15% ชี้ ก.คลัง กำลังศึกษาปรับโครงสร้างภาษี ต้องมองทั้งระบบลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ขอให้มั่นใจการทำงานของรัฐบาลรัดกุม