เปิดรายจ่ายด้านการศึกษา พบงบเพิ่ม แต่คุณภาพถดถอย

กทม. 11 ต.ค.-  เปิดรายจ่ายด้านการศึกษาปี 51-59 พบงบเพิ่มทุกปี เเต่คุณภาพถดถอย ความเหลื่อมล้ำงบรายหัวมีมาก ห่างกัน 3 เท่า  สพฐ.ยอมรับที่ผ่านมา จัดสรรงบโดยไม่อิงพื้นที่ 


นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา(กสศ.) เป็นประธานเปิดเวทีเสวนา “เจาะลึกรายจ่ายด้านการศึกษาของประเทศไทย “ ภายใต้โครงการพัฒนาระบบการจัดการทรัพยากรเพื่อพัฒนาสุขภาพเเละการศึกษาของนักเรียน ที่กสศ.ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเเละธนาคารโลกจัดขึ้น เพื่อนำเสนอสถานการณ์รายจ่ายด้านการศึกษาที่จะนำไปสู่การเเก้ปัญหาเเละข้อเสนอเเนะด้านนโยบายต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง


นายชัยยุทธ ปัญญสวัสดิ์สุทธิ์ หัวหน้าโครงการพัฒนาระบบการจัดการทรัพยากรเพื่อพัฒนาสุขภาพเเละการศึกษาของนักเรียน กล่าวว่า ได้จัดทำข้อมูลรายจ่ายด้านการศึกษา ปี 2551-2559 พบว่า  รายจ่ายด้านการศึกษาเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 6.2 ต่อปี ใช้งบประมาณลงทุนปี 59 มากที่สุด เป็นเงิน 878,878 ล้านบาท เฉลี่ยเป็นรายจ่ายภาครัฐ 684,497 ล้านบาทเเละเป็นรายจ่ายครอบครัวเกือบ 2 เเสนล้านบาท ซึ่งถือได้ว่ารายจ่ายด้านการศึกษาของไทย คิดเป็นร้อยละ 6.1 ของGDP มากกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มประเทศ OECD ที่ร้อยละ 5.2 ของGDP

โดยมีรายจ่ายต่อคนต่อปีสูงถึงปีละ 56,538 บาท สูงกว่ารายจ่ายด้านสุขภาพเฉลี่ยต่อประชากรคนละ 7,354 บาทต่อปีหรือคิดเป็น 7.6 เท่า


เเต่คุณภาพการศึกษายังถดถอย เพราะผลคะเเนนการทดสอบทางการศึกษาเเห่งชาติหรือคะแนนPISA อยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเเละมีเเนวโน้มลดลง

หากเจาะลึกรายจ่าย ภาครัฐลงทุนด้านการศึกษามากกว่าเอกชนในทุกระดับ โดยเฉพาะระดับประถมศึกษาสูงสุดร้อยละ 35 รองลงมาระดับมัธยมศึกษาเเละอุดมศึกษาร้อยละ 21 ขณะที่ระดับก่อนประถมศึกษาร้อยละ 9 และระดับอาชีวศึกษา ร้อยละ 5 ทั้งที่เป็นความต้องการของประเทศ โดยรายจ่ายด้านการศึกษา ร้อยละ 74ของงบการศึกษาเป็นรายจ่ายในหมวดบุคลากร เพราะ 3 ใน 4 ของครูทั้งหมด ได้รับค่าวิทยฐานะเเละครูส่วนใหญ่มีอายุราชการเฉลี่ยสูง 

ขณะที่ 5 อันดับจังหวัดที่ได้รับเงินอุดหนุนมากที่สุดคือ กรุงเทพมหานคร นครราชสีมา บุรีรัมย์ อุบลราชธานี เเละขอนแก่น ส่วนจังหวัดที่ได้รับเงินน้อยที่สุดคือ สมุทรสงคราม 

นายชัยยุทธ กล่าวอีกว่า สภาพความเป็นจริงการกระจายงบประมาณในเเต่ละพื้นที่ยังมีความเเตกต่างค่อนข้างมาก งบประมาณเฉลี่ยเเต่ละจังหวัดมีความเเตกต่างมากถึง 3 เท่า  ขณะที่บางจังหวัดนักเรียนได้รับงบประมาณรายจ่ายการศึกษาอยู่ที่ 27,145 บาท เเต่อีกจังหวัดได้รับสูงถึง 74,757 บาทต่อคนต่อปี โดยความเหลื่อมล้ำการจัดสรรทรัพยากรไม่ได้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจเเละสังคมในเเต่ละพื้นที่ ซึ่งทำให้เห็นว่า จังหวัดที่มีฐานะทางเศรษฐกิจของครัวเรือนที่ยากจนที่สุด ไม่ใช่จังหวัดที่ได้รับการจัดสรรงบที่สูงกว่าจังหวัดที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดีกว่า การจัดสรรงบยังใช้รูปเเบบเดียวกันเเละอัตราที่เท่ากันทั่วประเทศ เเต่พื้นที่ โรงเรียนหรือเยาวชนเเต่ละเเห่งมีความต้องการไม่เหมือนกัน ซึ่งหากจะลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ ต้องปฏิรูปการจัดสรรงบประมาณที่มุ่งเน้นความเสมอภาคมากขึ้น เพราะจะช่วยให้ระบบการศึกษาไทยบรรลุเป้าหมายด้านประสิทธิภาพเเละความเสมอภาคไปพร้อมกัน เพราะได้รับการจัดสรรตามความจำเป็น เเละรัฐจะประหยัดเงินจากรายจ่ายที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการ เพราะการเหลื่อมล้ำ เกิดจากการบริหารจัดการทรัพยากรของภาครัฐ เดิมรัฐมีงบเรื่องความเหลื่อมล้ำเกือบ 3 หมื่นล้านบาท เเต่ไปที่เด็กเเค่ร้อยละ 30 ซึ่งถือว่างบนี้ยังไม่ได้พุ่งเป้าไปที่เด็กจริงๆ

ขณะที่นายสนิท เเย้มเกสร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า สพฐ.ได้พัฒนาคุณภาพการศึกษามาอย่างต่อเนื่อง โดยในเรื่องรายจ่าย กระทรวงศึกษาธิการมีรายจ่ายด้านการศึกษาปีละ 5 เเสนล้านบาท โดยการคิดงบประมาณรายหัวของเด็กได้ประเมินถึงความเหมาะสม เเต่จะตัดสินใจฝ่ายเดียวไม่ได้ จึงต้องพึ่งงานวิจัยเชิงลึก เพื่อใช้ในการพิจารณางบประมาณในการช่วยเหลือเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยอมรับว่าที่ผ่านมา การดำเนินงานยังไม่ถึงเป้าหมายที่อยากจะเห็นการศึกษาที่เท่าเทียมกัน การอนุมัติเงินงบประมาณมีการอิงพื้นที่น้อยเกินไป เพราะในเเต่ละจังหวัดเเตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ให้งบประมาณเท่ากันอาจจะทำให้ช่วยเหลือเด็กได้ไม่เท่ากัน จากนี้หลังได้ศึกษางานวิจัยจะต้องพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งร่วมกับสำนักงบประมาณ เพื่อระดมความคิดการให้งบประมาณอีกครั้ง โดยยึดเรื่องความจำเป็นพื้นฐานเเละจะช่วยเหลืออย่างไรให้มีคุณภาพเเละประสิทธิภาพ

 

ด้านนายดิลกะ ลัทธพิพัฒน์ นักเศรษฐศาสตร์ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ธนาคารโลก สำนักงานประเทศไทย กล่าวว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษามีแนวโน้มแย่ลงในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยคุณภาพการศึกษาถดถอยลง ทั้งๆ ที่งบประมาณต่อนักเรียนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 48 ระหว่างปี 2010-2013 ซึ่งปัญหาการขาดประสิทธิภาพในการใช้จ่ายด้านการศึกษาส่วนใหญ่เกิดจากระดับประถมโดยมีค่าใช้จ่ายนักเรียนสูงกว่าค่าเฉลี่ยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่มีพัฒนาการทางเศรษฐกิจในระดับเดียวกัน โดยประเทศไทยใช้จ่ายสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ภายในกลุ่มเชื้อชาติ (EAP) และสูงที่สุดเป็นอันดับ 20 จาก 112 ประเทศในโลกที่มีการรายงานสถิติ 

ขณะเดียวกัน การจัดสรรครูที่ขาดประสิทธิภาพเป็นสาเหตุหลักของปัญหาการจัดสรรงบประมาณในระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยสัดส่วนนักเรียนต่อครูในระดับประถมศึกษาของไทยอยู่ที่ 17 ต่อ 1 ซึ่งไม่ถือว่าสูงเมื่อเปรียบเทียบกับนานาชาติ โดยถือว่าอยู่ใกล้เคียงกับประเทศออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลี แคนาดาและสหราชอาณาจักร 

ไทยมีจำนวนครูในระดับที่พอเหมาะกับจำนวนนักเรียน แต่ยังขาดประสิทธิภาพในการจัดสรรทรัพยากรครูทำให้กว่าครึ่ง ห้องเรียนในระดับประถมขาดแคลนครูขั้นระดับวิกฤตและห้องเรียนขนาดเล็กที่มีจำนวนมากนี้เป็นสาเหตุหลักของความถดถอยด้านคุณภาพการศึกษา ซึ่งโรงเรียนขนาดเล็กส่วนใหญ่ต้นทุนสูงในการบริหารจัดการ มักได้รับการจัดสรรทรัพยากรไม่เพียงพอและนักเรียนด้อยโอกาสส่วนใหญ่ศึกษาอยู่ในโรงเรียนขนาดเล็กเหล่านี้ ส่งผลให้ความเหลื่อมล้ำยิ่งย่ำแย่ไปอีก ทั้งนี้หากสพฐ.สามารถควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กตามแผน จะช่วยให้รัฐประหยัดงบประมาณได้มากถึง 49,000 ล้านบาทต่อปี โดยเฉพาะจากเงินเดือนครูและมาตรการนี้จะช่วยส่งเสริมคุณภาพการศึกษาให้แก่ผู้เรียนเป็นอย่างมากโดยจะแก้ไขปัญหาการขาดแคลนครูได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา ปราบสแกมเมอร์

สระแก้ว 16 ก.ย.-วันนี้ที่จังหวัดสระแก้ว มีการประชุมสำคัญระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อหวังแนวทางร่วมมือในการปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสแกมเมอร์.-สำนักข่าวไทย

ผู้ค้าทองคำเสนอตั้งเคลียริ่งเฮาส์ ค้านเก็บภาษีเทรดทอง

กรุงเทพฯ 16 ก.ย. – ราคาทองคำนิวไฮตามตลาดโลก การค้าทองคึกคัก ผู้ค้าทองคำค้านแนวคิดภาครัฐเก็บภาษีเทรดทองคำออนไลน์ เพื่อป้องกันบาทแข็งค่า ระบุถอยหลังเข้าคลอง ทำลายการค้า เสนอ ธปท. “ตั้งเคลียริ่งเฮาส์-ปรับสูตรดูแลค่าเงิน” นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) กล่าวว่า ในการประชุมระหว่างผู้ค้าทองคำและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วานนี้ ทาง ธปท.มีการสอบถามความเห็นเรื่อง การที่กระทรวงการคลังอาจออกมาตรการเก็บภาษีในการซื้อ-ขายทองคำ โดยเฉพาะธุรกรรมออนไลน์และมีการชำระเป็นเงินบาท เพื่อลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท ซึ่งทางผู้ค้าทองคำ คัดค้านเพราะจะกระทบต่อการค้าทองคำในองค์รวมของทั้งในและต่างประเทศ ทำลายระบบเศรษฐกิจ โดยในขณะนี้การค้าทองคำทั้งในและต่างประเทศแต่ละปีมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท/ปี และความนิยมเทรดระบบออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจดิจิทัล ตอบสนองนพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเทรดออนไลน์ทั้งผ่านแอปฯ ต่างๆ และเทรดผ่าน Gold Futures ตลาด TFEX ซึ่งเป็นการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำภายในประเทศ โดยยอดเทรดเติบโตอย่างมากราว 9-20 ตัน/วัน หรือ 20,000-35,000 สัญญาต่อวัน […]

รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้

พรรคภูมิใจไทย 16 ก.ย.-รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้ หลังนายกฯ ลั่นเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีอนุทิน 1 คาดว่าจะมีความชัดเจนเร็วสุดในเย็นวันนี้ (16 ก.ย.) หรืออย่างช้าวันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.) ซึ่งต้องรอความชัดเจนจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ขณะที่บรรยากาศพรรคภูมิใจไทยในช่วงเช้าวันนี้ยังคงเงียบเหงา มีแกนนำพรรคเดินทางเข้าที่ทำการพรรค อาทิ นายทรงศักดิ์ ทองศรี ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เบื้องต้นยังไม่มีกำหนดการเดินทางเข้าพรรคในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายอนุทิน ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ไว้ว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งจะสามารถทูลเกล้าฯ ถลายได้ภายในสัปดาห์นี้.-สำนักข่าวไทย

เตือนภาวะน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.

กรุงเทพฯ 16 ก.ย.-สทนช. ออกประกาศเตือน เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.นี้ คาดระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงจะสูงกว่าจุดวิกฤติ 0.20 เมตร เสี่ยงน้ำเอ่อล้นริมเจ้าพระยา-ท่าจีน-แม่กลอง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศเตือน เรื่อง “เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง” เตือนประชาชนและหน่วยงานในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง ให้เฝ้าระวังระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ระหว่างวันที่ 17–22 กันยายน 2568 ในช่วงเวลา 16.00–19.00 น. ของแต่ละวัน โดยเฉพาะพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราว ซึ่งยังไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร หรือที่เรียกว่า “แนวฟันหลอ” นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสทนช. กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ร่วมกับกรมอุทกศาสตร์ คาดว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูง โดยระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงอาจสูงถึง 1.70–1.90 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำวิกฤติประมาณ 0.20 เมตร ปัจจัยที่ส่งผลต่อการหนุนสูงของน้ำทะเลในช่วงนี้ได้แก่ ร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทย ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังปานกลาง ซึ่งยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยและบริเวณอ่าวไทย ส่งผลให้บางพื้นที่ยังคงมีฝนตก และเมื่อรวมกับปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุน จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำ พื้นที่เสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ […]