กทม.10ต.ค.- รรท.ผบช.สตม. ลั่นภายใน 1 เดือน จับ-ผลักดันต่างชาติอยู่เกินกำหนดให้หมดไป เพราะถือเป็นภัยต่อความมั่นคง
กลุ่มชาวปากีสถาน 57 คน ถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมืองดำเนินคดีแล้วเตรียมผลักดันกลับประเทศ เนื่องจากมีความผิดในข้อหาเป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุดและโดยไม่ได้รับอนุญาต
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยว่า กลุ่มชาวปากีสถานเหล่านี้ พบการอนุญาตสิ้นสุดลงเกินกว่า 1 ปี และจะต้องถูกขึ้นบัญชีต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักรคนละ 10 ปี ทั้งหมดถูกจับระหว่างการเข้าตรวจค้นที่พักภายซอยจรัญสนิทวงศ์ 12 แล้วพบนายชาน ปาทาส กับนายจอห์น เอคิบ ชาวปากีสถาน ทำหน้าที่เป็นเอเย่นต์นำพาและอำนวยความสะดวกกลุ่มเหล่านี้เข้ามาพักในประเทศไทย เพื่อเดินทางไปประเทศที่ 3 ตำรวจยึดหนังสือเดินทางและหลักฐานการสนทนาทางแอพพลิเคชั่นไลน์นัดแนะกันภายในกลุ่มจึงรวบรวมไว้เป็นพยานหลักฐาน
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่า สถิติการตรวจค้นจับบุคคลต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หรือ Overstay ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม จนถึงปัจจุบัน ตำรวจจับและผลักดันออกนอกประเทศไปแล้วกว่า 1,000 คน ส่วนภาพรวม ต้องยอมรับความจริงว่า ตัวเลขผู้อยู่เกินกฏหมายกำหนดมีเกือบ 50,000 คน แต่ต้องคัดกรองข้อมูลอย่างละเอียด เนื่องจากบางส่วนอาจจะมีการขออนุญาตเข้าประเทศ เป็นแบบใบผ่านแดน บางส่วนอาจเข้ามาโดยผิดกฏหมาย ทำให้ตัวเลขยังไม่นิ่ง แต่ได้สั่งการให้ฝ่ายข้อมูลไปตรวจสอบ เพื่อบันทึกฐานข้อมูลไว้แล้ว
ส่วนมาตรการ จะเน้นตรวจค้นและกดดันตามแหล่งที่พักทั่วประเทศ โดยเฉพาะตามแหล่งท่องเที่ยว ที่มีชาวต่างชาติ เช่น ถนนข้าวสาร พัทยา และจังหวัดสงขลา โดยกลุ่มคนชาวอินเดีย ปากีสถาน และชาวต่างชาติผิวสี เป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญ ที่พบว่า ส่วนใหญ่มักกระทำผิดและอยู่เกินกว่ากฏหมายกำหนด ดังนั้น ตำรวจจะพุ่งเป้าไปที่ กลุ่มอาชีพ นักฟุตบอล ครูสอนศาสนา และครูสอนภาษานานาชาติ เพื่อขอตรวจสอบเอกสาร หากไม่ถูกต้อง จะจับและผลักดันออกนอกประเทศ ตั้งเป้าภายใน 1 เดือนนี้ จะสามารถดำเนินการเสร็จเรียบร้อย.-สำนักข่าวไทย