ศธ.14 ก.ย.-รมว.ศึกษาฯ เสียใจเหตุครูปาเเก้วใส่เด็กจนหน้าบิดเบี้ยว ตาเสื่อมสภาพ เร่งรับผิดชอบ ฝาก ผอ.โรงเรียนดูเเลครู อย่าให้ใจร้อนเกินไป ด้านเลขา สพฐ.ตั้งคณะกรรมการสอบ คาดรู้ผลสัปดาห์นี้ ด้าน ผอ.โรงเรียน เเจงโรงเรียนให้การช่วยเหลือตลอดไม่เป็นไปตามที่นักเรียนหญิงโพสต์ข้อความกล่าวหา
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)กล่าวถึงกรณีนักเรียนหญิงชั้น ม.5 โรงเรียนเเห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา โพสต์ข้อความขอความธรรม หลังถูกอาจารย์ปาเเก้วใส่ เหตุไม่พอใจที่ตนและเพื่อนขัดคำสั่ง ทำให้กล้ามเนื้อบวมทับเส้นประสาทคู่ที่ 7 ส่งผลให้ใบหน้าผิดรูป ปากเบี้ยว เส้นประสาทตาเริ่มเสื่อมสภาพ พร้อมระบุหลังเกิดเหตุจนถึงขณะนี้ครูผู้ก่อเหตุไม่เคยติดต่อสอบถามว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า เบื้องต้นได้รับรายงานด้วยวาจาจากเลขาธิการ กพฐ. ว่าครูยอมรับผิด เป็นการกระทำที่ลุเเก่โทษเพราะใจร้อน ครูคนอื่นต้องดูไว้เป็นตัวอย่าง การเป็นครูต้องควบคุมอารมณ์ให้ได้มากกว่าอาชีพอื่นๆ เห็นใจครูท่านนั้นเ เต่ควรมีวิธีการลงโทษเเบบอื่นไม่ใช่วิธีนี้ เเม้ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเหตุก็ตาม
ส่วนความคืบหน้าตอนนี้ผู้ปกครองเเละโรงเรียนก็กำลังต่อรองเรื่องการดูเเลเเละค่าใช้จ่ายที่สูง ก็คงต้องรายงานเข้ามา ส่วนเรื่องการสอบวินัย ครูก็ต้องยอมรับสภาพ ฝากผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาเเละผู้อำนวยการโรงเรียนหันไปดูครูมากขึ้น ต้องรู้จักนิสัยใจคอครูทุกคนในโรงเรียนเเละต้องดูว่ามีความอึดอัดหรือเครียดเรื่องใด ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดเหตุ ส่วนบ่ายวันนี้มูลนิธิปวีณาจะพานักเรียนไปรักษาตัวที่โรงพยายาลยันฮี ยังไม่ทราบเเละยังไม่ขอลงรายละเอียดเรื่องค่าใช้จ่าย
ด้านนายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวไทยว่า ทราบเรื่องแล้ว สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครราชสีมาเขต 36 สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับครูคนดังกล่าวเเละผู้อำนวยการโรงเรียน เพื่อสอบสวนทางวินัยที่ครูทำเกินกว่าเหตุด้วย ขณะนี้ครูคนดังกล่าวยังทำงานอยู่ที่โรงเรียน คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะทราบผล
ส่วนนายนิพนธ์ ภักดีแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวชี้เเจงว่า ครูได้ปาเเก้วพลาสติกจริง เเต่ยืนยันว่าปาใส่ผนังห้องเเต่กระเด็นไปโดนใบหน้าเด็ก วันต่อมาเมื่อพบว่าอาการผิดปกติจึงพาไปโรงพยาบาลตามเวลานัดพบเเพทย์ 6 ครั้ง ต่อมาผู้ปกครองเเจ้งจะขอพบเเพทย์เองเเละต้องการย้ายไปโรงพยาบาลเซนต์เมรี่ โดยขอค่าเดินทางเเละค่าใช้จ่ายอื่นๆ จากครูคู่กรณีรวม 2,000 บาท อีกทั้งโรงเรียนยังช่วยจ่ายค่ายาที่ไม่สามารถใช้สิทธิเบิกได้ประมาณ 8,000 บาท เเละไปเยี่ยมถามไถ่อาการเป็นระยะ ล่าสุดเย็นวานนี้ ผู้ปกครองนัดเจรจากับครูที่ สภ.โชคชัย ซึ่งได้ร้องขอเงินค่ารักษาพยาบาลและค่าทำขวัญ 300,000 บาท แต่ครูสามารถจ่ายให้ได้ 100,000 บาท จึงตกลงกันไม่ได้ ผู้ปกครองจึงแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ซึ่งพนักงานสอบสวนก็ได้ดำเนินการอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมพร้อมสอบปากคำพยาน เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเเก่ครูคนดังกล่าว .-สำนักข่าวไทย