กรุงเทพฯ 5 ต.ค.- รองโฆษก ตร.แจงเหตุนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีแจ้งความถูกเจ้าของร้านคาราโอเกะใน.จ.เชียงใหม่เรียกเงินค่าใช้บริการกว่าแสนบาท เรียกมาเคลียร์ทางร้านยอมคืนเงินให้ 6 หมื่นบาท แต่ปรากฏว่านักท่องเที่ยวคนดังกล่าวยังคงไปร้องกับตำรวจท่องเที่ยวขอคืนเงินเพิ่มอีกแต่ไม่สามารถตกลงกันได้
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร.เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีสื่อนำเสนอข่าว นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีเที่ยวร้านคาราโอเกะ มีสาวๆกรูนั่ง พอเช็คบิล 1.6 แสนบาท ว่าเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2561 เวลาประมาณ 20.10 น. สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้รับแจ้งเหตุ นักท่องเที่ยวชาวเกาหลี มาแจ้งความว่าเมื่อคืนวันที่ 21 กันยายน 2561 เวลาประมาณ 23.00 น. ได้เข้าไปเที่ยวที่ร้านฟอร์เอฟเวอร์คาราโอเกะ ได้สั่งเครื่องดื่มและเรียกสาวในร้านบริการ จนกระทั่งเวลาประมาณ 05.00 น. ทางร้านได้คิดเงินจำนวน 157,590 บาท จึงมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ โดยประสงค์ให้ทางร้านฯคืนเงิน
หลังจากรับแจ้งความ พนักงานสอบสวนได้เรียกทางร้านฯมาพบโดยให้นำใบเสร็จรับเงินมาแสดง ต่อมาประมาณ 22.00 น. ผู้จัดการร้านและผู้ที่เกี่ยวข้อง จึงมาพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่
จากการสอบสวนทราบว่า ผู้แจ้งได้เข้าไปเที่ยวในร้านกับชายไม่ทราบชื่ออีกคน ต่อมาเหลือผู้แจ้งเพียงคนเดียว มีการเรียกพนักงานสาวๆ ในร้านมาบริการทั้งหมดรวมประมาณ 14 คน ทางร้านคิดเป็นรอบๆละ 1 ชั่วโมง และมีการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตของผู้แจ้ง รวมทั้งหมด 3 ครั้ง แต่ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการเรียกเก็บเงินจากบัญชีธนาคารของผู้แจ้ง โดยในการเจรจาผู้แจ้งประสงค์ขอเงินคืนจำนวนหนึ่ง ซึ่งทางร้านและผู้แจ้งตกลงคืนเงิน 60,000 บาทโดยพึงพอใจทั้งสองฝ่าย ซึ่งเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2561 เวลา 21.00 น. ทางร้านได้นำเงินสด จำนวน 60,000 บาท มามอบคืนให้ทางผู้แจ้ง โดยมีล่ามแปลและผู้แจ้งพึงพอใจแล้วได้รับเงินคืนไปเรียบร้อย ต่อมาทราบว่าเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2561 ผู้แจ้ง ได้ไปแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเชียงใหม่เพื่อขอเงินคืนจากทางร้านฯ อีก 60,000 บาท และมีการเจรจากันอีกแต่ตกลงกันไม่ได้
รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มีนโยบายการรักษาภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความปลอดภัยและมาตรการป้องกันการเอาเปรียบผู้บริโภค โดยมีการจับกุมผู้ต้องหาได้หลายคดี ไม่ว่าจะเป็นทัวร์ศูนย์เหรียญ, แท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร, แก๊ง call center เป็นต้น รวมไปถึงการให้บริการช่วยเหลืออำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยไม่ได้เน้นแค่เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครเท่านั้น แต่ในทุกๆ พื้นที่ที่เกี่ยวข้องในด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย ก็มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องและจริงจังมาโดยตลอด ประกอบกับมาตรการกวดขันการประกอบกิจการสถานบริการ ที่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบูรณาการกับหลายๆหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบสถานบริการและคาดโทษผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืน เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว โดยให้ยึดถือการประกอบกิจการตามที่กฏหมายกำหนด กวดขัน ตรวจสอบไม่ให้ประกอบกิจการ ในลักษณะเอาเปรียบลูกค้าผู้บริโภค เพื่อคำนึงถึงความถูกต้อง เป็นธรรม เสริมสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยว.-สำนักข่าวไทย