นายกฯหนุน โมเดลเศรษฐกิจใหม่ “BCG”


กรุงเทพฯ 29 ก.ย.- นายกรัฐมนตรี ชูนโยบาย ไทยแลนด์ 4.0  หนุนโมเดลเศรษฐกิจใหม่ “BCG”  ทั้งด้าน ชีวภาพ
เศรษฐกิจสีเขียว  
รองรับเศรษฐกิจยุคดิจิตอล

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับประชาชนผ่านรายการ ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ในวันศุกร์ที่ 28 กันยายน 2561 เวลา 20.15 น.
ในประเด็นต่าง ๆ ซึ่งสรุปสาระสำคัญดังนี้


นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาประเทศไปสู่
ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ด้วยนโยบาย
ไทยแลนด์ 4.0” ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจใหม่
ซึ่งเป็นแนวคิดที่จะเร่งรัดการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ประสบความสำเร็จเร็วขึ้นด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ที่เรียกว่า
“BCG” B คือ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) C คือ เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และ G
คือ เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ทั้งนี้
การนำแนวคิดเศรษฐกิจทั้ง
3
มาหลอมรวมเพื่อใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งมีหลักคิด
3 ประการ คือ (1) โมเดลเศรษฐกิจใหม่ (BCG) (2)
เศรษฐกิจ BCG จะช่วยส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างถ้วนหน้า
โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และ (
3) เศรษฐกิจ BCG เป็นรูปแบบเศรษฐกิจที่จะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (หรือ SDG)
ขององค์การสหประชาชาติ (UN) ที่ต้องการร่วมกันพัฒนาความเป็นอยู่ของมวลมนุษยชาติ
และดูแลโลกของเรา ในทุกมิติ

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเศรษฐกิจชีวภาพ ว่าเป็นการพัฒนาความเข้มแข็งจากภายในหรือศักยภาพที่มีอยู่แล้ว
ประกอบด้วย ความหลากหลายทางชีวภาพ และการเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรของโลก   ด้วยการประยุกต์ใช้ความรู้ร่วมกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม
มาพัฒนาต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพยากร ชีวภาพ และผลผลิตทางการเกษตร
โดยเน้นสร้างความสมดุลทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นมากในบ้านเมืองเรา
เพียงแต่เราต้องไม่หยุดค้นคว้าหาความรู้ใหม่ ๆ ได้แก่ ข้าวไรซ์เบอรี่
ซึ่งเป็นข้าวที่มีมูลค่าสูง ที่ได้รับการพัฒนาให้มีลักษณะดีด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่
สารสกัดจากพืชสมุนไพร เพื่อเป็นเครื่องสำอางหรืออาหารเสริม
ซึ่งเพิ่มคุณค่าให้กับสมุนไพรไทยหลายเท่าตัว การผลิตเอทานอลและไบโอดีเซล
สำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงในภาคขนส่งของประเทศ
ช่วยลดการนำเข้าน้ำมันได้ปีละนับแสนล้านบาท จะเห็นได้ว่าเศรษฐกิจชีวภาพนี้
ช่วยเพิ่มโอกาสให้ภาคเกษตรกรรมของประเทศ สร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลผลิตดั้งเดิม
ซึ่งไม่ใช่การขายเป็นวัตถุดิบ แต่เป็นการขายสินค้าแปรรูป โดยอาศัยวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี และนวัตกรรมสมัยใหม่ ดังนั้น ถือได้ว่าเศรษฐกิจชีวภาพเป็นกลไกสำคัญ
ในการส่งเสริมการกระจายรายได้ และความเจริญไปสู่ภาคส่วนต่าง ๆ อย่างทั่วถึง

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเน้นย้ำว่า
รัฐบาลมีนโยบายที่จะดึงวิสาหกิจเริ่มต้นหรือสตาร์ทอัพ เข้ามา               ช่วยในระบบบริหารและบริการของรัฐ
โดยการจัดงานสตาร์ทอัพ แฟร์ (
Government Procurement Transformation) ภายใต้แนวคิด ปลดล็อคข้อจำกัด พัฒนาสตาร์ทอัพ สู่ตลาดภาครัฐซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่
28 – 29 กันยายนนี้ ณ ฮอลล์ 5-6
อิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อเบิกทางสตาร์ทอัพสู่เส้นทางจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
ซึ่งนับว่าเป็นตลาดใหญ่ของสตาร์ทอัพ ที่มีมูลค่ากว่า
30,000
ล้านบาท (หรือร้อยละ
1 ของงบประมาณภาครัฐ) อีกทั้ง
เป็นการสร้างมิติใหม่ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพทางนวัตกรรมของภาครัฐ ที่มุ่งยกระดับ การให้บริการประชาชนในวันข้างหน้า
ในยุคดิจิทัล อีกด้วย


ทั้งนี้ ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ผ่านมานี้
นายกรัฐมนตรีได้พบปะพูดคุยกับตัวแทนสตาร์ทอัพ ทั้ง
5 ราย ที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจ
โดยมีผลงานเป็นคู่ค้ากับภาครัฐแล้ว  และพร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชนของภาครัฐ
ได้แก่
1) นวัตกรรมด้านความมั่นคง แพลตฟอร์มระบบเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์
(Situation Awareness System) ที่สามารถเชื่อมโยงอุปกรณ์ได้จากหลายประเภท
เช่น กล้อง
CCTV กล้องติดยานพาหนะ กล้องบุคคล อากาศยาน  ไร้คนขับ (Drone) ให้ผู้ใช้ระบบหรือผู้ควบคุมสถานการณ์
สามารถมองเห็น และวิเคราะห์ระบบ ได้จากทุกมุมมอง และทุกอุปกรณ์ไว้ในระบบเดียว
2)
นวัตกรรมแพลตฟอร์มสื่อกลาง ระหว่างจิตแพทย์ นักจิตวิทยา กับคนไข้ (Ooca)
ที่ช่วยให้สามารถพูดคุยออนไลน์ ปรึกษาจิตแพทย์ นักจิตวิทยาผ่าน video
call                           ในคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือได้ เพื่อความเป็นส่วนตัว ปลอดภัย
และมีระบบนัดแนะกันล่วงหน้าได้     
3) นวัตกรรมแอพพลิเคชั่นจองคิวร้านอาหาร
และศูนย์บริการครบวงจร (
QueQ) ทราบว่าได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี
เนื่องจากสอดคล้องกับชีวิตประจำวันและแก้ปัญหาพื้นฐานของทุก ๆ คน เช่น
โดยเฉพาะระบบจองคิว โรงพยาบาล นัดหมอ และแจ้งเตือนผ่าน
Smartphone เป็นต้น ทำให้มียอดดาวน์โหลดครบ 1 ล้านคน
และมีผู้ใช้งานกว่า
1 แสน 5
หมื่นคนต่อเดือน
4) นวัตกรรมโมเดลธุรกิจเพื่อการท่องเที่ยวยั่งยืน
(
Local Alike) ที่ชนะการประกวดในโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
(หรือ
Booking.com Booster 2017) จากผู้ร่วมแข่งขัน 700 ทีม จาก 102 ประเทศทั่วโลก คว้าเงินรางวัลกว่า 11 ล้านบาท ซึ่งมีส่วนช่วยพัฒนาการท่องเที่ยวกับชุมชน 70 แห่งทั่วประเทศ สร้างรายได้กลับคืนสู่ท้องถิ่นกว่า 20 ล้านบาท   และ 5) นวัตกรรมแพลตฟอร์มที่ช่วยจัดระเบียบงานอีเว้นท์
(
ZipEvent) ที่ส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจ MICE ที่นับวันประเทศไทยของเรา เป็นจุดหมายปลายทาง ทั้งการท่องเที่ยว
การจัดงานอีเว้นท์ต่าง ๆ   ทั้งภาครัฐและเอกชนให้ความสนใจอย่างมาก
ในภูมิภาคนี้

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงกิจกรรมงาน Innovation Thailand Expo 2018
จัดขึ้นระหว่าง             วันที่
4
– 7 ตุลาคมนี้ ณ ฮอลล์ 98
ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา 
โดยในปีนี้ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
ได้สร้างสรรค์งานขึ้นใหม่ ในรูปแบบเทศกาลนวัตกรรม ซึ่งเป็นครั้งแรกของประเทศ โดยมีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วนของประเทศ
ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน   ภาคสถาบันการศึกษา
ตั้งแต่การให้ทุนวิจัย การพัฒนาทุนมนุษย์และงานวิจัย การใช้ประโยชน์งานวิจัย    การสร้างสรรค์นวัตกรรม
เพื่อนำเสนอผลงานนวัตกรรมระดับประเทศ
250 ผลงาน จาก 150 หน่วยงาน   ให้สมกับที่ประเทศไทยได้ชื่อว่า
เป็นประเทศที่มีการพัฒนานวัตกรรมอย่างรวดเร็ว (
Innovation Fast Move
Nation) พร้อมทั้งเชิญชวนพี่น้องประชาชนที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า โครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันพระปกเกล้า
และมูลนิธิประชาปลอดภัย ภายใต้โครงการ
การขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
(
SDGs) : กรณีศึกษาการใช้แนวคิดประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม
ในกลุ่มเยาวชนไทย เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยทางถนน
เพื่อเตรียมความพร้อมของคนในสังคม
โดยดึงเยาวชนในสถานศึกษาให้มีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม และปลูกฝัง
จิตสำนึกความปลอดภัยบนท้องถนน ทั้งนี้
ประเทศไทยถูกจัดว่ามีสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูง   รัฐบาลจึงต้องให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความปลอดภัยด้านการจราจร
ทั้งนี้ เพื่อให้สอดรับกับ     การประชุมระดับโลก
ว่าด้วยการป้องกันการบาดเจ็บและส่งเสริมความปลอดภัย ครั้งที่
13 (Safety
2018 – The 13th World Conference on Injury Prevention and Safety Promotion) ซึ่งในปีนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5 – 7  พฤศจิกายน 2561
กรุงเทพมหานคร

ตอนท้ายของรายการฯ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงสำนักข่าวบลูมเบิร์ก
ได้จัดทำดัชนีประสิทธิภาพระบบสุขภาพ (
Health Care Efficiency Index) เพื่อจัดอันดับประเทศที่มีความคุ้มค่าด้านระบบดูแลสุขภาพ
ซึ่งจะคำนวณเปรียบเทียบระหว่างค่าใช้จ่ายกับอายุขัยโดยเฉลี่ยของคนในประเทศ โดยปี
2561
นี้ ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 27 ของโลก จาก 56
ประเทศ นอกจากนี้ ในรายงานยังระบุด้วยว่า   เรื่องการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของประเทศไทย
มีความก้าวหน้าอย่างมากอีกด้วย ในขณะที่องค์การอนามัยโลกชื่นชมประเทศไทย
ว่าเป็นต้นแบบและแหล่งเรียนรู้หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
จะเห็นว่าเป็นระบบที่ยั่งยืน เพราะสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนได้อย่างเข้มแข็ง
ซึ่งปัจจุบันมีคนไทยกว่า
48.8 ล้านคน (73.7 %)               จากจำนวนประชากรกว่า
66.2 ล้านคน ที่มีสิทธิ์ในหลักประกันสุขภาพที่ช่วยคุ้มครองดูแลสุขภาพ     ในด้านการรักษาโรค  ป้องกันโรค ส่งเสริมสุขภาพ และฟื้นฟูสมรรถภาพ
ตามข้อบ่งชี้ของแพทย์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
(
30 บาท รักษาทุกโรค) ได้แก่ (1) รักษาได้เฉพาะโรงพยาบาลรัฐ
อาจจะสร้างความลำบากให้กับผู้ที่อยู่ไกลจากโรงพยาบาลรัฐมาก (
2) ไม่คุ้มครองการรักษา   ที่เกินความจำเป็นพื้นฐาน
(
3) ไม่คุ้มครองการรักษาที่มีงบประมาณจัดสรรโดยเฉพาะ
โดยให้เป็นผู้ป่วยใน   เกินกว่า
15 วัน  การบำบัดผู้ติดยาเสพติด
ผู้ที่เกิดอุบัติเหตุทางรถ โดยมี พ.ร.บ. คุ้มครองอยู่ ซึ่งจะต้องใช้สิทธิ พ.ร.บ.
ให้ครบก่อน (
4) ไม่คุ้มครองกรณีโรคเรื้อรัง
และโรคที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเป็นผู้ป่วยในเกินกว่า
180 วัน ยกเว้นหากมีความจำเป็นจริง ๆ เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

แอร์อินเดียบินกลับเดลีแล้ว หลังตรวจไม่เจอระเบิด

ภูเก็ต 13 มิ.ย. – เครื่องบินแอร์อินเดีย พร้อมผู้โดยสาร 155 คน ออกจากสนามบินภูเก็ต กลับเมืองเดลีแล้ว หลังตรวจละเอียดยิบ ไม่พบระเบิดตามจดหมายขู่ สอบเครียด 3 ผู้ต้องสงสัยชาวอินเดีย แต่ต้องปล่อยไป เพราะไร้หลักฐานมัด ยันไม่กระทบการให้บริการท่าอากาศยานฯ เมื่อเวลา 09.30 น. หอบังคับการบินสนามบินภูเก็ต ได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์ควบคุมการบิน บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ว่าลูกเรือสายการบิน AIR INDIA เที่ยวบินที่ AI 379 เส้นทางบิน HKT-ภูเก็ต-DEL (เดลี) ผู้โดยสารจำนวน 156 คน พบข้อความขู่วางระเบิดในแผ่นกระดาษระบุว่า ‘F… you all bomb’ วางไว้ในห้องน้ำ จากนั้นสายการบินได้ประกาศเข้าสู่แผนฉุกเฉิน ให้นักบินนำเครื่องบินมาลงที่สนามบินภูเก็ต โดยทางสนามบินภูเก็ต ได้ประกาศใช้แผนเผชิญเหตุของสนามบิน Airport Contingency Plan และดำเนินการตั้งศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ EOC เพื่อควบคุมและบริหารจัดการสถานการณ์ตามแผนฯ […]

คดี “ทักษิณ” ชั้น 14 ศาลเรียกพยาน 20 ปาก-นัดไต่สวนอีก 6 นัด ก.ค.นี้

กรุงเทพฯ 13 มิ.ย. – คดี “ทักษิณ” วันนี้ ศาลเตรียมเรียกพยาน 20 ปาก พร้อมนัดไต่สวนอีก 6 นัด ช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ถือเป็นการเริ่มกระบวนการไต่สวนเรื่องการบังคับคดีของอดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

ผู้ว่าฯ สระแก้ว ยืนยันไม่มีการปิดด่านบ้านคลองลึก

สระแก้ว 13 มิ.ย. – ผู้ว่าฯ สระแก้ว ลงพื้นที่สยบข่าวลือปิดด่านคลองลึก หลังชาวไทย-กัมพูชา ตื่นตระหนกแห่ข้ามฝั่ง จนเกิดความวุ่นวายหน้าด่าน ขณะฝั่งปอยเปตเริ่มตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เกิดความวุ่นวายขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 12.30 น. หลังจากมีกระแสข่าวลือในกลุ่มผู้ค้าชาวกัมพูชาและชาวไทย ว่าทางการจะมีคำสั่งปิดด่านชั่วคราวในช่วงบ่าย ระหว่างเวลา 13.00-14.00 น. ทำให้ประชาชนทั้ง 2 ฝั่งเร่งรีบข้ามแดนและสอบถามข้อมูลกันอย่างจ้าละหวั่น โดยข่าวลือดังกล่าวแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากเดินทางข้ามแดนก่อนถึงช่วงเวลาที่เข้าใจกันว่าจะปิดด่าน ทำให้บรรยากาศหน้าด่านเต็มไปด้วยความตึงเครียดและสับสน ด้านผู้ว่าฯ สระแก้ว ลงพื้นที่ชี้แจงเรื่องดังกล่าว ยืนยันไม่มีคำสั่งปิดด่าน พร้อมขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และย้ำชัดว่าเวลาการเปิด-ปิดด่านยังคงเป็นไปตามประกาศเดิมของกองกำลังบูรพา คือเปิด 08.00-16.00 น. ทุกวัน โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือคำสั่งใหม่ ฝั่งปอยเปตเริ่มตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากไทยแหล่งข่าวด้านความมั่นคงกัมพูชา เปิดเผยว่า ฝ่ายปกครองในฝั่งปอยเปตได้ดำเนินการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่เชื่อมโยงกับฝั่งไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมข้อมูลและสื่อสารในพื้นที่ชายแดน ฝั่งกัมพูชาปิดด่านบ้านแหลมไม่แจ้งล่วงหน้าส่วนบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เมื่อเวลา 10.45 น. เกิดความวุ่นวาย หลังฝั่งกัมพูชา มีการปิดประตูด่านฝั่ง ต.บึงรัง […]

ผู้รอดชีวิตจากแอร์อินเดียเผยหนีออกทางประตูฉุกเฉินที่เสียหาย

นิวเดลี 13 มิ.ย. – ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากเหตุเครื่องบินแอร์อินเดียตก ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 240 คน กล่าวว่า เขาเดินออกมาจากประตูฉุกเฉินที่พังเสียหาย หลังจากเครื่องบินชนเข้ากับหอพักวิทยาลัยแพทย์ในเมืองอาห์เมดาบัด นายราเมศ วิศวาศกุมาร ซึ่งตำรวจระบุว่า เขานั่งอยู่ที่นั่ง 11เอ (11A) ใกล้ประตูฉุกเฉิน และสามารถหนีรอดมาได้ทางช่องทางประตูฉุกเฉินที่ชำรุดเสียหาย เขาถูกบันทึกภาพไว้หลังเหตุเครื่องบินตกเมื่อวันพฤหัสบดี ขณะกำลังเดินกะเผลกๆ อยู่บนถนนในสภาพเสื้อยืดเปื้อนเลือดและมีรอยฟกช้ำบนใบหน้า คลิปภาพชาวอังกฤษเชื้อสายอินเดียผู้นี้ที่เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ ถูกนำไปออกอากาศในสถานีข่าวเกือบทั้งหมดของอินเดีย หลังจากเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ลำดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุตกหลังออกเดินทางจากสนามบินได้ไม่นาน นายวิศวาศกุมาร ให้สัมภาษณ์ขณะนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลว่า เขาไม่อยากจะเชื่อว่ารอดชีวิตมาได้อย่างไร และคิดว่าต้องตายแน่ ๆ แต่พอเขาลืมตา เขาก็รู้สึกตัวว่ายังไม่ตาย และพยายามปลดเข็มขัดนิรภัย เพื่อออกจากที่นั่ง และพยายามหนีออกมาจากตัวเครื่องบิน นายวิศวาศกุมาร เล่าว่า เครื่องบินดูเหมือนจะหยุดนิ่งกลางอากาศเป็นเวลา 2-3 วินาที หลังจากที่ขึ้นบินไปในอากาศ และไฟในห้องโดยสารที่เป็นสีเขียวและสีขาวก็สว่างขึ้น เขารู้สึกได้ว่าแรงขับเคลื่อนของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น แต่แล้วเครื่องบินก็ชนเข้ากับหอพักด้วยความเร็ว แพทย์ระบุว่า นายวิศวาศกุมารไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงใด ๆ ในขณะที่เขากล่าวว่า เขาเดินออกจากจุดเครื่องบินตก โดยบาดเจ็บจากบาดแผลไฟไหม้ที่แขนซ้ายเท่านั้น นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี […]