กรมการแพทย์ 28ก.ย.-แพทย์เผยคนไทยเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจเฉลี่ยชั่วโมงละ2คน อาการบ่งชี้จุกแน่นหน้าอก เจ็บเหมือนมีอะไรมากดทับ ปวดร้าวไปที่หัวไหล่ซ้ายหรือไปที่กรามนานกว่า 3-5 นาที อาจมีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า สมาพันธ์หัวใจโลก กำหนดให้วันที่ 29 ก.ย.ของทุกปี เป็นวันหัวใจโลก โดยมีประเด็นการรณรงค์สำหรับปีนี้ คือ“สัญญาใจเพื่อหัวใจเรา (MY HEART, YOUR HEART)” เนื่องจากกลุ่มโรคหลอดเลือดหัวใจเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทยและของโลก จากข้อมูลสถิติขององค์การอนามัยโลกในปี 2553 พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจเป็นจำนวนถึง 7.2 ล้านคน
ทั้งนี้ ในระหว่างปี 2548-2552 อัตราการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง ในประเทศไทยพบประมาณปีละ 37,000 ราย คนไทยป่วยเป็นโรคหัวใจต้องนอนโรงพยาบาล วันละ 1,185 ราย เป็นโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันประมาณ 450 รายต่อวัน เสียชีวิตชั่วโมงละ 2 คน ผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันในประเทศไทยจะมีอัตราตายสูงกว่าในต่างประเทศประมาณ 4–6 เท่า สะท้อนให้เห็นว่าโรค หัวใจขาดเลือดเป็นโรคที่รุนแรงและต้องได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน และเนื่องในวันหัวใจโลกจึงถือเป็นโอกาสที่ดีในการทำสัญญาด้วยการหันมาดูแลตัวเองใส่ใจสุขภาพหัวใจให้แข็งแรง เพื่อหัวใจของเรา และมอบกำลังใจแก่คนรอบข้างในทุกกลุ่มอายุ
ด้าน พญ.วิพรรณ สังคหะพงศ์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อาการที่บ่งชี้ว่ามีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ คือมักเหนื่อยง่ายกว่าปกติ โดยเฉพาะเวลาทำงาน จุกแน่นหน้าอก จะมีอาการจุกบริเวณยอดอกตรงกลางมักเป็นในขณะออกกำลังกาย หลัง จากหยุดออกกำลังกายอาการจะดีขึ้น มีอาการเจ็บหน้าอกเหมือนมีอะไรมากดทับ และอาการเจ็บนี้จะปวดร้าวไปที่หัวไหล่ซ้ายหรือไปที่กราม ถ้าอาการเจ็บหน้าอกนี้เป็นนานเกินกว่า 3-5 นาที พักแล้วไม่ทุเลาหรืออาการเจ็บรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยหาแนวทางการรักษาที่ถูกต้องอย่างรวดเร็ว
สำหรับการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจสามารถรักษาด้วยการให้ยาละลายลิ่มเลือด การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนพร้อมใส่ขดลวดค้ำยัน และการผ่าตัดเปลี่ยนทางเดิน หลอดเลือดหัวใจ ขึ้นอยู่กับอาการของ ผู้ป่วยและการวินิจฉัยของอายุรแพทย์หัวใจ
ส่วนแนวทางการดูแลหัวใจให้แข็งแรงควรปฏิบัติดังนี้ 1.ดูแลตนเองไม่ให้เกิดภาวะอ้วนลงพุง 2.ควบคุมน้ำตาลในเลือด 3. ควบคุมความดันโลหิต 4.ควบคุมไขมันในเลือด 5.งดสูบบุหรี่ 6.พักผ่อนให้เพียงพอ 7.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3-5 วัน 8. เลือกรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ผักและผลไม้ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ .-สำนักข่าวไทย