แนะนายกฯ ลาออก สร้างความชอบธรรมก่อนลงแข่งขัน

กรุงเทพฯ 28 ก.ย.-“พล.อ.ชวลิต” แนะทางออกประเทศ ตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล ชี้หากไม่แก้ระบบ 500 พรรคก็ตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ ขณะที่ “จตุพร” ขอ “พล.อ.ประยุทธ์” ลาออกจากนายกฯ และหัวหน้า คสช. หลังประกาศสนใจการเมือง แนะดู “พล.อ.ชวลิต” เป็นตัวอย่าง สร้างความชอบธรรมก่อนลงแข่งขัน เชื่อฝืนเดินหน้าต่อ ประเทศเกิดวิกฤติซ้ำ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (28 ก.ย.) พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนายเผด็จ ภูรีปฎิภาน แกนนำ นปช. ร่วมแถลงทางออกประเทศ

พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ปัญหาของประเทศที่เกิดขึ้นในเวลานี้ เพราะไม่ปฎิบัติตามแนวทางที่พระมหากษัตริย์ได้สั่งการไว้ จึงเป็นปัจจัยทำให้ประเทศถดถอย เกิดความยากจน ที่พูดเช่นนี้ไม่ได้ต้องการให้ทะเลาะกัน ขับไล่ หรือประณามใคร แต่อยากให้คนไทยร่วมกันอย่าหวั่นไหวในการแก้ปัญหาบ้านเมือง โดยแนวทางแก้ไข คือ มอบสิทธิ เสรีภาพ ให้ประชาชนได้เรียนรู้ คืนอธิปไตยให้กลับสู่สามอำนาจบริหาร ใช้หลักกฎหมายกับศาล และทำให้เกิดการเลือกตั้งโดยประชาชนเพื่อประชาชน


“ขณะนี้แนวทางประชาธิปไตยที่เป็นเรื่องที่ประเทศไทยขาดมาก แต่คิดว่ากระบวนการประชาธิปไตยจะเกิดในเร็ววันนี้ ซึ่งมีกระบวนการเคลื่อนไหวของประชาชนแล้ว และเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว จะเสนอแผนงานโครงการเฉลิมพระเกียรติ 780 ปี ถวายแด่ในหลวงรัชกาลที่ 10 โดยมีแผนงานโครงการแบ่งเป็น 7 หมวด รวม 41 โครงการ วงเงิน 197 ล้านล้านบาท เพื่อตอบแทนคุณแผ่นดินในการยกระดับความเป็นอยู่” พล.อ.ชวลิต กล่าว

พล.อ.ชวลิต กล่าวอีกว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เมื่อมีการเลือกตั้ง ก็ต้องจัดตั้งรัฐบาลที่จะต้องรวมตัวกันประกอบด้วยหลายพรรค ที่มีกว่า 20 พรรค เพื่อจะได้ไม่แตกแยก หรือหากฝืนใช้รูปแบบเดิม จะนำไปสู่การทะเลาะไม่สิ้นสุด และคิดว่าการที่จะปล่อยให้มีการเลือกตั้งเช่นนี้อย่าให้มีเลย แต่ควรให้มีรัฐบาลเฉพาะกาลเข้ามาแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ใช้เวลาประมาณ 2 ปี แล้วนำรัฐธรรมนูญ 2540 มาปรับแก้ไข และใช้แทนฉบับปัจจุบันก่อนเลือกตั้งใหม่ วันนี้ต้องเซ็ตซีโร่เพื่อไปสู่สิ่งที่ถูกต้อง

“ศูนย์รวมปัญหาวันนี้อยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ การแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุด คือ การเสียสละ และเชื่อว่าจะได้ฟังที่ผมพูด และคิดจะทำทุกอย่างให้ถูกต้องด้วยตัวเอง เพราะท่านรู้ด้วยตัวเองว่าปัญหาอยู่ที่ตัวท่าน และรู้ว่าเป็นปัญหาหลัก แต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวว่าจะพาประเทศไปสู่จุดที่ต้องการไม่ได้ ถ้าเป็นไปได้ก็ให้ลงมาเป็นเหมือนพวกเรา อย่าคิดแค่ว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ถูกต้องแล้ว และหวังว่าจะทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง ซึ่งถือว่าเป็นความปรารถนาดี ท่านเป็นคนดี แต่ห่วงมากไป” พล.อ.ชวลิต กล่าว


ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยจะจับมือกันเพื่อตั้งรัฐบาลและสนับสนุนนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ได้เป็นก็ไม่สำเร็จ จะรวมกัน 500 พรรคก็ตั้งไม่สำเร็จ

ด้านนายจตุพร กล่าวว่า ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดู พล.อ.ชวลิต เป็นตัวอย่าง ที่ในอดีตเมื่อจะลงเล่นการเมือง ก็ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกก่อนจะครบวาระ ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ในขณะนี้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศสนใจงานทางการเมือง และคณะรัฐมนตรีก็สนใจการเมืองเช่นกัน

“แม้ พล.อ.ประยุทธ์ และองคาพยพ จะออกแบบว่าให้อยู่ในหน้าที่ได้โดยไม่ต้องรับสมัครรับการเลือกตั้ง แต่ถือว่าตำแหน่งหัวหน้า คสช. และมาตรา 44 ถือเป็นอำนาจสูงสุดที่สามารถคุมอำนาจ หรือปลด กกต.ได้ ซึ่ง กกต.ถือเป็นกรรมการที่จะทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรม ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วการเลือกตั้ง กกต.คือผู้มีอำนาจสูงสุด แต่เชื่อว่า กกต.ไม่อาจจะขัดอำนาจของ คสช.ได้ นอกจากนี้ยังต้องการให้เห็นว่าภายใต้กติกาปัจจุบัน ไม่สามารถเดินหน้าประเทศไปข้างหน้าได้ ขอฝาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่สนใจเพียงแต่การเมือง แล้วจะจบ แต่ต้องสนใจประเทศไทย ประชาธิปไตย ประชาชนด้วยว่าสถานการณ์ในวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะการใช้อำนาจตามมาตรา 44 จะทำให้เกิดปัญหาตามมาในอนาคตอย่างแน่นอน” นายจตุพร กล่าว 

นายจตุพร กล่าวด้วยว่า การออกแบบรัฐธรรมนูญตามระบอบประชาธิปไตยเช่นนี้ ไม่ต่างกับการถอดแบบแก้เกมมาจากประเทศเมียนมา ที่มีทหารอยู่ในอำนาจ แต่แพ้การเลือกตั้ง ซึ่งเมื่อคณะกรรมการอยากเป็นผู้เล่น แต่กลับส่งสัญญาณเข้าข้างผู้เล่นอย่างชัดเจน ประเทศก็เดินต่อไปไม่ได้ ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เพื่อให้คนกลางได้เข้ามาทำหน้าที่ จึงจะสามารถลงเป็นผู้แข่งขันได้ เช่นเดียวกับผู้อื่น เพื่อความเสมอภาค และมองว่าที่ผ่านมา 5 ปี เศรษฐกิจอยู่ในขั้นวิกฤติ ประชาชนอดทนเพื่อแลกกับคำว่าความสงบ 5 ปีจึงถือว่าประชาชนให้โอกาสมามากแล้ว

“หาก พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ต่ออีก 20 ปีตามยุทธศาสตร์ชาติก็ไม่เป็นไร แต่ต้องอยู่ภายใต้การแข่งขันอย่างเสมอภาค เท่าเทียม ส่วมตัวผมไม่ขัดข้องหากใครจะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ขอให้มีความสง่างามและมีน้ำใจนักกีฬา และเป็นที่ยอมรับของประชาชน เพราะเชื่อว่าจะให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้” นายจตุพร กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พระขโมยรถยนต์โยมวันเข้าพรรษา

กาฬสินธุ์ 12 ก.ค.-วงการผ้าเหลืองไม่แผ่ว พระหนุ่มขโมยรถยนต์ญาติโยมที่มาทำบุญวันเข้าพรรษา ถูกตำรวจสกัดจับได้ทันควัน ตำรวจ สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ สกัดจับรถเก๋งสีดำคันบริเวณสี่แยกไฟแดง อ.สมเด็จ หลังรับแจ้งว่าพระสงฆ์หนุ่มแอบขโมยรถจากญาติโยมที่มาทำบุญในวันเข้าพรรษา แล้วขับหนีมาทาง อำเภอสมเด็จ ตำรวจจึงออกสกัดจับจนเจอ ส่วนพระสงฆ์ที่ก่อเหตุมีอาการพูดจาวกไปวนมา ตำรวจจึงนำตัวมาสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก และแจ้งให้เจ้าของรถมารับรถคืน เตรียมดำเนินคดีกับพระรูปนี้ต่อไป หลังสึกจากการเป็นพระ.-สำนักข่าวไทย

น้ำป่าทะลักท่วมแพร่ บ้านเรือนเสียหายหนัก

แพร่ 12 ก.ค.-ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ จ.แพร่ น้ำป่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรช่วงกลางดึก เสียหาย 2 อำเภอ เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ชุมชนในตำบลแดนชุมพล จังหวัดแพร่ และอำเภอร้องกวางบางส่วน เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มและแนวทางน้ำธรรมชาติที่รับน้ำจากภูเขาและป่าใกล้เคียง ปริมาณน้ำที่หลากเข้ามาเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว ทรัพย์สินของประชาชนบางส่วนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะบ้านโทกค่า อำเภอสอง จังหวัดแพร่ หลายหลังคาเรือนได้รับผลกระทบเนื่องจาก ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน ปีนี้น้ำมากกว่าทุกปี ทำให้เก็บข้าวของไม่ทัน ได้รับความเสียหาย ครั้งสุดท้ายที่เคยท่วม ตั้งแต่ปี 2538 .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ปมมีชื่อพระโผล่คลิปสีกา ก.

กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ เผยกรณีปรากฏชื่อ “พระปริยัติธาดา” ในคลิปพัวพันสีกา ก. มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร จากกรณีปรากฏรายชื่อพระในคลิปมีความสัมพันธ์กับ “สีกา ก.” จนถึงขั้นปาราชิก หนึ่งในนั้นคือ พระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และมีรายงานข่าวว่าท่านหายตัวจากวัดหลังจากตกเป็นข่าว ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดกัลยาณมิตรฯ พบว่าพระของวัดทุกรูปลงโบสถ์เพื่อประกอบศาสนกิจเนื่องในวันเข้าพรรษา ภายในพระอุโบสถ ภายหลังประกอบศาสนกิจลงโบสถ์ของพระวัดกัลยาณมิตรฯ เสร็จสิ้น พระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ ได้ถ่ายรูปกับพระใหม่และพระสงฆ์ในวัด และให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายภาพ พร้อมกับพูดคุยเบื้องต้น กรณีปรากฏชื่อของพระปริยัติธาดา เป็นหนึ่งในบุคคลในคลิปที่เกี่ยวข้องกับสีกา ก. ว่าส่วนตัวไม่ทราบ คนเราไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่น มองเป็นเรื่องธรรมชาติในสังคมที่มีทั้งคนดีและไม่ดี เรื่องนี้เป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร และอยากถาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เพื่อขอดูคลิปที่กล่าวอ้าง ถ้าภาพมันชัดเจนก็ต้องออกตามกฎ ซึ่งใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เมื่อถามว่า พระปริยัติธาดา ออกไปจากวัดตั้งแต่เมื่อไร พระพรหมกวี บอกว่า ท่านออกไปจากวัด 6-7 วันแล้ว ก็ออกไปเฉยๆ ไม่ได้สึกออกไป และไม่รู้ว่าตอนนี้สึกหรือยัง แต่หากจะสึกต้องแจ้งมาที่วัด […]

ข่าวแนะนำ

ตาวัย 71 ปี ขับรถพุ่งชนรถพ่วงเสียชีวิต

สมุทรสงคราม 13 ก.ค.-ตาวัย 71 ปี ขับเก๋งพุ่งชนกลางลำรถพ่วงบรรทุกเสาเข็มขณะกำลังกลับรถ เสียชีวิตบนถนนสมุทรสงครามบางแพ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม กล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์ขณะรถพ่วงบรรทุกเสาเข็มกำลังกลับรถทำให้ตัวรถขวางถนน จังหวะนั้นรถเก๋ง ขับมาด้วยความเร็ว พุ่งชนเข้ากลางลำรถพ่วง เหตุเกิดบนถนนสมุทรสงครามบางแพ บริเวณจุดกลับรถหน้าโรงบรรจุแก๊สหุงต้ม ฝั่งขาเข้าแม่กลอง ม.9 ต.บางช้าง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ช่วงเวลา 19.18 น.วานนี้ (12 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อัมพวา รับแจ้ง จึงเข้าตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย ที่เกิดเหตุพบนายชาญพินิต ส่งชัย อายุ 71 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร คาดเข็มขัดนิรภัย นั่งหมดสติไม่รู้สึกตัวบนเบาะคนขับ เจ้าหน้าที่ต้องใช้อุปกรณ์ตัดถ่างประมาณ 5 นาที กว่าจะนำร่างนายชาญพินิต ออกมาและพยายามปั๊มหัวใจช่วยชีวิต แต่นายชาญพินิต เสียชีวิตแล้ว ใกล้กันพบรถพ่วง 22 ล้อ ลูกพ่วงไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดขวางถนนในลักษณะกำลังกลับรถ บริเวณล้อหลังรถพ่วงมี 3 เพลา รวม 12 ล้อ […]

เตรียมขอข้อมูลเส้นทางการเงิน 4 วัดดัง

13 ก.ค. – ตำรวจเตรียมขอข้อมูลเส้นทางการเงิน 4 วัดดัง เข้าข่ายยักยอกเงินวัด โอนให้สีกา ก. หรือไม่ พบเจ้าอาวาสหนึ่งใน 4 วัด โอนกว่า 1 ล้านบาท ความคืบหน้าการตรวจสอบเส้นทางการเงินของสีกา ก. จากข้อมูลการสืบสวน ตำรวจเตรียมขอความร่วมมือเข้าตรวจสอบวัดที่พบว่ามีความเกี่ยวข้อง 4 วัด ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ได้แก่ วัดชูจิตธรรมาราม พระอารามหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา, วัดใหญ่จอมปราสาท จ.สมุทรสาคร, วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ขอตรวจสอบเส้นทางการเงินของพระชั้นผู้ใหญ่และบัญชีวัด เพื่อหาข้อเท็จจริงว่าเงินที่โอนให้สีกา ก. เป็นเงินส่วนตัวหรือเงินวัด หลังพบว่าพระบางรูปที่มีความสัมพันธ์กับสีกา ก. รวบอำนาจการบริหารจัดการเงินของวัดเพื่อให้ทำธุรกรรมได้สะดวก โดยเฉพาะเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท พบเส้นทางการเงินโอนให้สีกา ก. 2 บัญชี เป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท ส่วนพระรูปอื่นๆ ที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ ส่วนสีกา ก. จะมีเจตนาในการข่มขู่รีดไถเงินจากพระหรือไม่ ทางการสอบสวนยังไม่พบหลักฐานชัดเจนเพราะเป็นรสนิยมส่วนตัว โดยพุ่งเป้าเข้าหาพระชั้นผู้ใหญ่ เพื่อมีความสัมพันธ์และนำเงินมาใช้ส่วนตัว […]

รัฐผ่อนปรนรถบัสสองชั้น 6 เส้นทางเสี่ยง เริ่ม 21 ก.ค.นี้

ทำเนียบ 13 ก.ค.-รัฐผ่อนปรนรถบัสสองชั้น 6 เส้นทางเสี่ยง เริ่ม 21 ก.ค.นี้ พร้อมคุมเข้มมาตรฐานความปลอดภัยทุกขั้นตอน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า รัฐบาลโดยกรมขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ได้มีการผ่อนปรนให้รถโดยสารสองชั้นสามารถวิ่งใน 6 เส้นทางได้เป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลา 180 วัน โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป ดังนี้ 1.ทางหลวงหมายเลข 4 ช่วงเขาพับผ้า-พัทลุง 2.ทางหลวงหมายเลข 103 ช่วงแม่ยางฮ่อ-แม่ตีบ 3.ทางหลวงหมายเลข 118 ช่วงเชียงใหม่-ดอยนางแก้ว 4.ทางหลวงหมายเลข 2013 ช่วงบ่อโพธิ์-โคกงาม 5.ทางหลวงหมายเลข 2331 ช่วงโจ๊ะโหวะ-อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า และ 6.ทางหลวงหมายเลข 1256 ช่วงปัว- อุทยานแห่งชาติดอยภูคา โดยผู้ประกอบการที่ประสงค์จะเดินรถโดยสารสองชั้น ในเส้นทางผ่อนปรนดังกล่าว จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างเคร่งครัด ดังนี้ 1.นำรถเข้ารับการตรวจสภาพ (Recall) ณ […]

เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

กทม. 13 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 6 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทยและคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบน (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 12-13 กรกฎาคม 2568) ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2568 ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งโดยเฉพาะภาคเหนือบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก มีดังนี้ ในวันที่ 13 กรกฎาคม […]