กรุงเทพฯ 25 ก.ย. – โททาลไม่เข้าร่วมประมูลแหล่งบงกชเอราวัณ โดยเชฟรอนและ ปตท.สผ.ยื่นเป็นผู้ดำเนินงานแข่งกันทั้ง 2 แหล่ง
วันนี้ (25 ก.ย.) นายวีระศักดิ์ พึ่งรัศมี อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ แถลงว่า ผลการยื่นซองประมูลแหล่งปิโตรเลียม “เอราวัณ- บงกช” โดยมีการแข่งขันทั้ง 2 แหล่ง ๆ ละ 2 ราย โดยบริษัทในเครือ บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) และบริษัทในเครือเชฟรอนเป็นผู้ยื่นเป็นผู้ดำเนินการหรือโอเปอเรเตอร์ทั้ง 2 แหล่ง
ทั้งนี้ แยกเป็นแปลง G1/61 ( เอราวัณ) จำนวน 2 ราย ได้แก่ 1.บริษัท PTTEP Energy Development Company Limited (บริษัท ปตท.สผ.เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด) ร้อยละ 60 ร่วมกับบริษัท MP G2 (Thailand) Limited (บริษัท เอ็มพี จี 2 (ประเทศไทย) จำกัด) เป็นบริษัทในเครือมูบาดาลา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ร้อยละ 40 และ 2.บริษัท Chevron Thailand Holdings Ltd. ร้อยละ 74 ร่วมกับบริษัท Mitsui Oil Exploration Company Ltd. (บริษัท มิตซุยออยล์ เอ็กซ์โปลเรชั่น คัมปานี ลิมิเต็ด) ร้อยละ 26
ส่วนแปลง G2/61 (บงกช) จำนวน 2 ราย ได้แก่ 1.บริษัท PTTEP Energy Development Company Limited (บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด) ร้อยละ 100 และ 2.บริษัท Chevron Thailand Holdings Ltd. (บริษัท เชฟรอน ไทยแลนด์ โฮลดิ้ง จำกัด) ร้อยละ 74 ร่วมกับบริษัท Mitsui Oil Exploration Company Ltd. (บริษัท มิตซุยออยล์ เอ็กซ์โปลเรชั่น คัมปานี ลิมิเต็ด) ร้อยละ 26
“รู้สึกว่าผู้ประมูลน้อยไปหน่อย แต่ดีที่มีการแข่งขัน ที่คนประมูลน้อยอาจเป็นเพราะศักยภาพก๊าซของเรามีน้อยหรือต่ำ พื้นที่ยากในการขุดเจาะ แม้กระทั่งโททาลซึ่งร่วมทุนในแหล่งบงกชปัจจุบันก็ยังไม่เข้าร่วมประมูลครั้งนี้” นายวีระศักดิ์ กล่าว
สำหรับเวลาการพิจารณาจะใช้เวลา 2 เดือน โดยแบ่งคะแนนการพิจารณาออกเป็นราคาก๊าซต้องต่ำร้อยละ 65 การแบ่งกำไรแก่รัฐร้อยละ 25 โบนัสแก่ภาครัฐร้อยละ 5 และการจ้างงานคนไทยร้อยละ 5 โดยสัญญาจะลงทุนนาน 20 ปี (10 ปีแรกต้องมีกำลังผลิตรวม 2 แหล่ง 1,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน) คาดมีเงินลงทุน 1.2 ล้านล้านบาท และภาครัฐได้รายได้รวมทุกด้านไม่ต่ำกว่า 800,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ การดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้อย่างโปร่งใส และมีการเปิดเผยทุกขั้นตอนต่อสาธารณชนผ่านสื่อ และเว็บไซต์ของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติมาโดยตลอด โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นหลักประกันว่าประเทศและประชาชนจะมีก๊าซธรรมชาติจากแหล่งพลังงานในประเทศใช้อย่างต่อเนื่องในราคาที่ไม่แพง
นายไพโรจน์ กวียานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอน ประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันเป็นโอเปอเรเตอร์แหล่งเอราวัณ กล่าวว่า ด้วยประสบการณ์การลงทุนในไทยกว่า 36 ปี ความรู้ทางธรณีวิทยาและเทคโนโลยีของเชฟรอนที่ลงทุนทั่วโลกก็เชื่อมั่นว่าบริษัทจะได้รับความไว้วางใจจากภาครัฐในการได้รับการคัดเลือกครั้งนี้
นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ.ซึ่งปัจจุบันเป็นโอเปอเรเตอร์แหล่งบงกช กล่าวเช่นกันว่า ด้วยประสบการณ์และความชำนาญของบริษัท ทำให้สามารถยื่นข้อเสนอในการประมูลให้เกิดการผลิตต่อเนื่องด้วยต้นทุนที่แข่งขันได้ โดยการร่วมมือกับมูบาดาลาในการประมูลแหล่งเอราวัณ เนื่องจากเป็นผู้ร่วมทุนที่มีศักยภาพ ซึ่งการประมูลครั้งนี้มีความพร้อมทางด้านการเงินในการดำเนินการทั้ง 2 แปลง โดยในส่วนที่เจรจากับเชฟรอนในการร่วมทุนแหล่งเอราวัณไม่ได้นั้น เนื่องจากเจรจาเงื่อนไขตามที่บริษัทต้องการไม่ได้
ทั้งนี้ ในส่วนกฎหมายปิโตรเลียมกำหนดว่าหากหลังจากชนะการประมูลและดำเนินการครบรอบ 1 ปี หลังจากแหล่งบงกช-เอราวัณหมดอายุ 1 ปี ก็สามารถเปลี่ยนแปลงหรือเชิญผู้ร่วมทุนรายอื่นเข้ามาร่วมทุนได้
“หากเราชนะทั้ง 2 แปลง ก็จะทำให้เกิด synergy ทั้ง 2 แปลงและบริหารให้เกิดต้นทุนต่ำสุดได้เป็นประโยชน์ต่อประเทศ” นายสมพร กล่าว และเผยว่าขณะนี้บริษัทมีกระแสเงินสดกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า พอใจการเปิดประมูลครั้งนี้ เพราะมีการแข่งขันทั้ง 2 แหล่ง.-สำนักข่าวไทย