อย.25 ก.ย.-อย.เตือนผู้ประกอบการผลิต นำเข้าตำรับยาพิเพอราซีน สำหรับมนุษย์ เร่งดำเนินการแก้ไขทะเบียนตำรับยาให้เรียบร้อยตามคำสั่งสธ.ภายใน 9 ม.ค.62 ก่อนถูกเพิกถอนทะเบียนตำรับยา แนะผู้บริโภคควรรับประทานยาตามคำแนะนำแพทย์และข้อบ่งใช้บนฉลากยาเพื่อความปลอดภัย
นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีหน้าที่ความรับผิดชอบในการกำกับดูแลคุณภาพมาตรฐานและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ยา เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความปลอดภัยจากการใช้ยา ซึ่งจากการติดตามการใช้ยาถ่ายพยาธิชนิดรับประทานตำรับยาเดี่ยวที่มีส่วนประกอบของยาพิเพอราซีน (Piperazine) ซึ่งมีข้อบ่งใช้สำหรับถ่ายพยาธิ พยาธิไส้เดือน (Ascariasis) พยาธิเส้นด้ายและเข็มหมุด (Enterobiasis) ต้องรับประทานยาติดต่อกัน 7 วัน และหลังรับประทานหากมีอาการท้องผูก จะต้องรับประทานยาระบายด้วย ซึ่งหากผู้ป่วยใช้ยาไม่ถูกต้อง อาจเกิดอาการข้างเคียงที่รุนแรงได้ อย.จึงได้แก้ไขข้อห้ามใช้และขนาดรับประทานยา เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก
โดยได้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องยาควบคุมพิเศษ ฉบับที่ 49 และคำสั่งกระทรวงสาธารณสุข ที่ 817/2561 เรื่อง แก้ไขทะเบียนตำรับยาพิเพอราซีน (Piperazine) ตำรับยาเดี่ยว ชนิดรับประทาน กำหนดให้ทะเบียนตำรับยาพิเพอราซีนตำรับเดี่ยวสำหรับมนุษย์ ชนิดรับประทาน มีข้อห้ามใช้ในผู้ ที่แพ้ยานี้ ผู้ป่วยโรคลมชัก และผู้ป่วยโรคตับหรือไตบกพร่อง
ส่วนขนาดรับประทานสำหรับรักษาพยาธิไส้เดือน ให้รับประทานครั้งเดียวหรือแบ่งรับประทานติดต่อกัน 2 วัน ผู้ใหญ่และเด็กอายุมากกว่า 12 ปี ให้ใช้ยาขนาด 75 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/น้ำหนักตัว ขนาดสูงสุด 3.5 กรัม เด็กอายุ 2-12 ปีให้ใช้ยาขนาด 75 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/น้ำหนักตัว ขนาดสูงสุด 2.5 กรัมและเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ให้ใช้ยาขนาด 50 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/น้ำหนักตัว ขนาดสูงสุด 2.5 กรัม และให้รับประทานภายใต้คำแนะนำ ของแพทย์ สำหรับรักษาพยาธิเส้นด้ายรับประทานติดต่อกันเป็นเวลา 7 วัน ผู้ใหญ่และเด็ก ให้ใช้ยาขนาด 50 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/น้ำหนักตัว และทานซ้ำอีกครั้งภายในช่วงเวลา 2-4 สัปดาห์
ทั้งนี้ คำสั่งกระทรวงสาธารณสุขฉบับดังกล่าวประกาศราชกิจจานุเบกษา ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค.2561 ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าที่มีทะเบียนตำรับยาสำหรับมนุษย์ ต้องยื่นคำขอแก้ไขทะเบียนตำรับยาดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน นับจากวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือภายในวันที่ 9 ม.ค.2562 เมื่อพ้นกำหนดแล้วกระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการเพิกถอนทะเบียนตำรับยาที่ไม่ได้ดำเนินการแก้ไขทะเบียนตามกฎหมายต่อไป .-สำนักข่าวไทย