กสอ.และส.อ.ท.ยืนยันศักยภาพผู้ประกอบการปรับตัวดีขึ้น

กรุงเทพฯ 20 ก.ย.- กสอ.แถลง ยืนยันศักยภาพ ผู้ประกอบการภาคการผลิต การค้า และบริการ ไทยในภาพรวมปรับตัวดีขึ้น โดยโรงงานระดับ 4.0 มีถึง 30 โรงงาน 


ตามที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.)ร่วมกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ผลสำรวจศักยภาพ ผู้ประกอบการภาคการผลิต การค้า และบริการ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2561 จำนวน 1,500 กิจการ และมีการแถลงผลการประเมินโดยระบุว่า ศักยภาพของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมในภาพรวมของปี 2561 อยู่ในระดับ 2.0 ในเกือบทุกมิตินั้น 

นายภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี รองอธิบดี กสอ. ระบุว่า  การประเมินศักยภาพผู้ประกอบการฯ ที่ร่วมกับส.อ.ท. ก็เพื่อจะได้ทราบว่า ภาครัฐจะให้ความช่วยเหลืออย่างไรบ้าง อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของผลการประเมินครั้งล่าสุดนี้ ซึ่งมีผู้ตอบแบบสอบถาม 1,500 ราย จากส่งไปสมาชิกส.อ.ท. 12,000 ราย พบว่า ระดับศักยภาพผู้ประกอบการ เมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลการสำรวจในช่วงปี 2559-2560 ที่ประเมิน 150 ราย พบว่า ในปีนี้ ศักยภาพผู้ประกอบการไทยในภาพรวมปรับตัวเข้มแข็งเพิ่มขึ้น โดยเห็นได้จากสัดส่วนของภาคอุตสาหกรรมในระดับ 4.0 หรือระดับที่มีความเข้มแข็งมาก สามารถก้าว สู่ระดับสากลได้ ต่างจากปีก่อนหน้าที่ยัง ไม่มีภาคธุรกิจใดอยู่ในระดับนี้เลย แต่ปีนี้หลังการประเมิน พบว่า  มีถึง 30 โรงงาน นับเป็นการศักยภาพปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีสัดส่วน คิดเป็นร้อยละ 2  ของจำนวนโรงงานที่ประเมินทั้งหมด โดยอยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ดิจิตอล และวัสดุก่อสร้าง 


ทั้งนี้ กสอ.และส.อ.ท. ตั้งเป้าหมายว่า ในช่วง 10 ปีนับจากปี 2561 จะยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการไทยในภาพรวมในภาคการผลิตที่มีจำนวนประมาณ 500,000 ราย ให้มีศักยภาพอยู่ในระดับ 3.0-4.0 และยกระดับต่อไปอยู่ในระดับ 5.0 ต่อไปในอนาคต โดยปีหน้าคาดว่า ผลการประเมินจะพบว่า มีจำนวนผู้ประกอบการที่อยู่ในระดับ 4.0 จะมีจำนวนเกินกว่า 60 โรงงาน

ส่วนผู้ประกอบการ ระดับ 3.0 หรือระดับที่มีความเข้มแข็ง มีสัดส่วน เพิ่มสูงขึ้นเกือบ 2 เท่าตัว จากเดิมร้อยละ 15 ในปี 2559 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 28  ในปี 2561 มีโรงงานระดับนี้เพิ่มเป็น  420 โรงงาน จากเดิมมีเพียง 22 โรงงานเท่านั้น

ด้านสัดส่วนของภาคอุตสาหกรรมในระดับ 2.0 หรือระดับทั่วไป ก็พบว่า มีศักยภาพปรับตัวดีขึ้น เห็นจากโรงงานลดลงจากร้อยละ 74 ในปี 2559 ลดลงเหลือ ร้อยละ 61 ในปี 2561  และสัดส่วนของภาคอุตสาหกรรมในระดับ 1.0 หรือระดับขั้นพื้นฐาน ก็มีจำนวนปรับตัวลดลง จากร้อยละ 11 ในปี 2559 เป็นร้อยละ 9 ในปี 2561 


 การปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มไปในทิศทางที่เข้มแข็งนั้น เป็นผลมาจากนโยบาย อุตสาหกรรม 4.0 ของภาครัฐที่มุ่งส่งเสริมพัฒนาให้วิสาหกิจ ปรับเปลี่ยนกระบวนการ ดำเนินธุรกิจโดย ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล หุ่นยนต์ เครื่องจักรกลและระบบอัตโนมัติ

ผลการสำรวจยังได้ระบุว่า ภาคอุตสาหกรรมเริ่มมีการนำเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติมาใช้ในหลายจุดของกระบวนการ แต่ยังขาดการเชื่อมโยงข้อมูลตลอด Supply Chain ผ่านระบบ IT ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรม ก็ได้เตรียมชุดมาตรการ ทั้งทางการเงินและที่มิใช่ทางการเงิน ร่วมกับองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบัน การศึกษา และสถาบันการเงินต่าง ๆ เร่งส่งเสริมให้สถานประกอบการพัฒนาสู่อุตสาหกรรม 4.0 เต็ม รูปแบบ โดยคาดว่าจะทำให้สถานประกอบการ มีผลิตภาพเพิ่มขึ้น หรือลดต้นทุนให้ได้มากกว่าร้อยละ 30  

สำหรับมาตรการที่ไม่ใช่การเงินนั้น กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับเครือข่าย Big Brother จะให้ บริการผ่านศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม 4.0 หรือ Industrial Transformation Center (ITC) ที่มีอยู่ ทั่วประเทศ ในการให้ความรู้ คำปรึกษาแนะนำ การถ่ายทอดเทคโนโลยี การสาธิตกระบวนการผลิต ที่ใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ และการรับรองมาตรฐาน นอกจากนี้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ยังได้ลงนามความร่วมมือกับสถาบันการเงิน และองค์กรต่างประเทศต่าง ๆ อาทิ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ อาลีบาบาจากจีน และ SMRJ จากญี่ปุ่น ในการสนับสนุน SMEs ให้เข้าสู่ Digital Marketing ทั้งในรูปแบบ B2B และ B2C รวมถึงผลักดันให้ SMEs เข้าสู่แพลทฟอร์ม T-GoodTech เพื่อเชื่อมโยงกับตลาดโลกอีกด้วย

ส่วนมาตรการทางการเงินนั้น กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ร่วมกับ SME Bank ในการปล่อยสินเชื่อ Transformation Loan สูงสุดรายละ 15 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 แก่สถานประกอบการที่ประสงค์จะปรับเปลี่ยนเครื่องจักรอุปกรณ์ไปสู่ระบบ 4.0

สำหรับการจะขับเคลื่อน SMEs ทั่วประเทศไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 นั้น อาจต้องใช้เวลาแต่ด้วยการบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานรัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และสถาบันการเงินอย่างเข้มข้นในขณะนี้ เชื่อว่า SMEs ไทยจะปรับตัวให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างแน่นอน

การสำรวจศักยภาพผู้ประกอบการครั้งนี้ ใช้เครื่องมือ Self-Assessment ที่มีการวัดผลออกมาเป็นระดับ 1.0 – 4.0 ใน 6 มิติสำคัญ ได้แก่ มิติที่ 1 Smart Operation มิติที่ 2 Strategy & Orgnaization มิติที่ 3 Workforce มิติที่ 4 Technology & Innovation มิติที่ 5 Market Customer & Standard และมิติที่ 6 IT & Data Transaction

อย่างไรก็ตาม กระทรวงอุตสาหกรรม และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เห็นว่าหัวข้อที่ใช้ในการประเมินศักยภาพอุตสาหกรรมยังต้องปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีความเหมาะสม และมีประสิทธิภาพมากขึ้นสามารถสะท้อนถึงระดับพัฒนาการของภาคอุตสาหกรรมไทยได้อย่างแม่นยำ และเพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลดังกล่าวในการกำหนดนโยบายและมาตรการส่งเสริมสนับสนุนต่อไป 

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่าผลการประเมินครั้งนี้มีประโยชน์ต่อ ส.อ.ท. อย่างยิ่งเพราะทำให้รู้สถานะปัจจุบันของอุตสาหกรรมไทย เพื่อนำไปใช้วางแนวนโยบายสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมให้เกิดการพัฒนาและยกระดับศักยภาพการผลิต และเพิ่มขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรมได้อย่างตรงจุดมากขึ้น ทั้งนี้ สอท.พร้อมเดินหน้าแผนการขับเคลื่อนนโยบาย Industry Transformation ที่มีหลากหลายโครงการรองรับอยู่ และบางโครงการที่มีการดำเนินงานอยู่แล้ว

 นายมาตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า จากการวัดศักยภาพผู้ประกอบการใน 6 มิติ พบว่า ด้านที่ภาคอุตสาหกรรมไทยต้องได้รับการปรับปรุงศักยภาพมากที่สุดคือ ค่าเฉลี่ยเป็นเรื่องของการตลาดและขาคความเข้มแข็งด้านการเข้าใจลูกค้า ไม่ได้เป็นเรื่องของการไม่เป็นเรื่องการขาดการใช้เทคโนโลยี สำหรับการสำรวจศักยภาพ ผู้ประกอบการภาคการผลิต การค้า และบริการ ครั้งต่อไปในปีหน้า คาดว่า จะมีผู้ประกอบการตอบกลับการประเมินถึง 4,000 ราย และทิสทางการปรับศักยภาพผู้ประกอบการจะดียิ่งขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]