กรุงเทพฯ 13 ก.ย. – หลังเกิดข้อถกเถียงระหว่าง กทม. กรมธนารักษ์ กรมศิลปากร และกรมทางหลวง มาเกือบ 1 เดือน ว่าใครจะดูแลอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ที่สุด กทม.รับที่จะดูแล แนวทางต่อไป คือ การออกแบบแผนฟื้นฟู และร่วมหาเจ้าของอนุสาวรีย์ที่เหลือในกรุงเทพมหานคร
การบูรณะอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น คาดเป็นครั้งแรกหลังสร้างมากว่า 77 ปี ซึ่งจากการสำรวจพบสภาพทรุดโทรม มีรอยแตกร้าว รูปปั้นหล่อทองแดงวีรชน 5 เหล่า ตัวแทนผู้กล้าที่ร่วมต่อสู้ในสงครามอินโดจีน เริ่มเปลี่ยนสี ชั้นไม้บรรจุอัฐิทหารที่เสียชีวิตจากสงคราม ตั้งแต่ปี 2483-2497 เกือบพันคน เริ่มพองตัวจากฝนสาด ทั้งยังคาดว่าอนุสาวรีย์มีการทรุดตัว
กทม.เตรียมออกแบบบูรณะ ก่อนส่งให้กรมศิลปากรตรวจสอบให้คงตามแบบดั้งเดิม ในหลักกฎหมาย ถ้าโบราณสถานมีเจ้าของ กรมศิลปากรมีหน้าที่ดูแล พิจารณาอนุมัติการบูรณะให้หน่วยงานนั้นๆ โดยเฉพาะหากเป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อประโยชน์ทางประวัติศาสตร์ เช่น อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ต้องควบคุม ไม่ปล่อยให้ดำเนินการเอง โบราณสถานที่กรมศิลปากรดูแลโดยตรง ส่วนใหญ่อยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์ ส่วนที่ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน บางแห่งกรมศิลปากรไม่ได้ดูแลโดยตรง ทำหน้าที่เพียงให้คำแนะนำ จึงแนะค้นข้อมูลจดหมายเหตุ หาเจ้าของอนุสาวรีย์ที่เหลือ
โบราณสถานต่างๆ เป็นสมบัติแผ่นดิน หากอยากทราบว่าใครเป็นเจ้าของ ให้ศึกษาประวัติศาสตร์ จุดประสงค์การสร้าง ประกอบข้อกฎหมาย ซึ่งเมื่อย้อนอดีต ที่ดินทุกที่เป็นของพระมหากษัตริย์ เริ่มแบ่งแยกครั้งแรกสมัยรัชกาลที่ 5 ต่อมาปี 2485 มีการออกระเบียบการปกครองดูแลที่ดินราชพัสดุ แต่กระทรวงมีอำนาจออกกฎกระทรวงดูแลที่ดินตนเอง ซึ่งปี 2518 มีกฎหมายที่ราชพัสดุมอบให้กระทรวงการคลังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ซึ่งอนุสาวรีย์ชัยฯ สร้างเมื่อปี 2484 ทำให้ไม่ทราบชัดว่าใครดูแลโดยตรง สำหรับกรมธนารักษ์ ปัจจุบันครอบครองที่ดิน 12.5 ล้านไร่ หรือร้อยละ 4 จากที่ดินทั้งหมด หากมีการบูรณะ กรมธนารักษ์มีหน้าที่ดูแลและตรวจสอบ
ไทยมีโบราณสถาน 547 แห่ง ขึ้นทะเบียนแล้ว 270 แห่ง กรมศิลปากรส่งต่อให้ กทม.ดูแลและบูรณะอย่างเป็นทางการ 39 แห่ง ซึ่งครอบคลุมสะพาน กำแพง ป้อม และอนุสาวรีย์ 6 แห่ง จากทั้งหมด 16 แห่ง สัปดาห์หน้า กทม.จะประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามการบูรณะและหาเจ้าของอนุสาวรีย์ที่เหลือ ซึ่งคาดว่าหากตั้งบนทางสาธารณะ กทม.ต้องเป็นเจ้าภาพดูแล. – สำนักข่าวไทย







