ทำเนียบฯ 10 ก.ย.- นายกรัฐมนตรี ระบุ ระบบราชการต้องมีขนาดเล็กลง แต่ขีดความสามารถสูงขึ้น ตอบสนองการพัฒนาประเทศ ชี้เวลา 3 เดือนก่อนเลือกตั้ง มีหลักสูตรให้ข้าราชการ ประชาชน และท้องถิ่น ร่วมหารือขับเคลื่อนประเทศให้ทุกฝ่ายรับรู้ว่าจะต้องเดินหน้าอย่างไร
พล.อ.ประยุทธ์ จัทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานพิธีเปิด กิจกรรมสัมมนาวิชาการประจำปีกลุ่มกำลังคนคุณภาพ หัวข้อ “หนึ่งองศาขยับ ปรับเปลี่ยนประเทศไทย : กำลังคนคุณภาพกับการปฏิรูปประเทศเชิงบูรณาการ” พร้อมร่วมเป็นสักขีพยาน ในพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และหัวหน้าส่วนราชการ เพื่อสนับสนุนกลไกการปฏิบัติงานในโครงการเชิงยุทธศาสตร์และโครงการสำคัญระดับประเทศ
นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ ว่า วันนี้ต้องเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ โดยต้องมองระยะยาว ประชาธิปไตยที่เดินมากว่า 80 ปี จะต้องปรับเปลี่ยนไปตามระยะเวลา บางคนอาจจะยังไม่เข้าใจ และยังมีเรื่องความเหลื่อมล้ำ ดังนั้นจึงต้องมีการกำหนดทิศทางเพื่อปรับเปลี่ยน โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศไทยกำลังมีการปฏิรูปประเทศอยู่ในขณะนี้ ที่สำคัญการปรับเปลี่ยนจะต้องมาจากความเข้าใจของคนทั้งองค์กร และในอนาคตต้องปรับเปลี่ยนส่วนราชการให้มีขนาดองค์กรเล็กลง แต่ต้องมีคุณภาพ และทำเพื่อประชาชน ตอบโจทย์ให้กับประชาชนทั้งประเทศ โดยให้ทุกคนมีส่วนร่วม และต้องไม่ทำให้เกิดความขัดแย้ง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะที่ส่วนราชการยังคงมีปัญหาอยู่หลายเรื่อง ไม่เฉพาะเรื่องการทุจริตเพียงอย่างเดียว จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนการทำงาน สร้างความเข้าใจระหว่างกัน หากคนไม่มีการปรับเปลี่ยน ทุกอย่างก็จะเหมือนเดิม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ข้าราชการจะต้องมีความพยายาม มีความสามารถ ทำให้คนอื่นยอมรับ ในแนวคิดและแนวทางเพื่อการพัฒนา ซึ่งต้องเป็นการแสดงความคิดเห็นแบบละมุนละม่อม ลดการแสดงความเห็นที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง ตนพร้อมรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย และหากไม่มีการกระทำผิด ก็จะไม่เกิดปัญหาขึ้น ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหา ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม และที่ผ่านมาตน เผชิญหน้ากับปัญหาต่าง ๆ มามาก
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประเทศไทยอยู่มาได้จนทุกวันนี้ถือเป็นเรื่องดี แม้บางช่วงจะประสบปัญหาความขัดแย้งหรือสะดุดบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะหลายประเทศทั่วโลก ล้วนผ่านช่วงเวลานั้นมาทั้งสิ้น สิ่งที่ได้ถือเป็นประสบการณ์ ที่ทำให้หลายประเทศเหล่านั้นรู้ว่า ไม่ได้อะไรจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้น นอกจากประสบการณ์ที่จะไม่ทำให้เดินไปสู่จุดนั้นอีก ดังนั้น ไทยต้องช่วยกันแก้ปัญหา และเดินก้าวผ่านไป ยังจุดที่ต่างชาติกำลังเป็นอยู่ขณะนี้ให้ได้โดยเร็ว ซึ่งต้องทำให้ได้ก่อนการเลือกตั้ง ประชาชนต้องอยู่ด้วยความปลอดภัย ไม่ใช่ทำทุกอย่างให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม ดังนั้นขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกัน ในการนำพาประเทศไปสู่ไทยแลนด์ 4.0
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้น เช่น ถนน หรือโครงสร้างพื้นฐานในบางพื้นที่ ไม่ได้รับการพัฒนาหรือไม่มีการซ่อมแซม ตามขั้นตอนจะต้องได้รับการดูแล โดยไม่จำเป็นที่จะต้องส่งเรื่องมาที่ตน ทั้งหมดเกิดจากประชาชนไม่เข้าใจว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบ เป็นผลมาจากประชาธิปไตยที่บิดเบือน การแก้ปัญหาส่วนใหญ่เป็นความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งประชาชนในพื้นที่เป็นผู้เลือก ดังนั้นขอให้ประชาชนเข้าใจว่า การเลือกผู้นำท้องถิ่น จะต้องเป็นคนที่มีความรู้ความเข้าใจถึงแนวทางพัฒนาและการบริหารจัดการงบประมาณอย่างแท้จริง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง อยากให้มีหลักสูตร ที่ให้ข้าราชการประชาชนและท้องถิ่น ได้มาพูดคุยกัน โดยไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่จะให้ทุกคนมารักตน แต่ต้องการให้ทุกฝ่ายได้รู้ว่าบ้านเมืองจะเดินหน้าไปอย่างไร ข้าราชการท้องถิ่นจะต้องทำอย่างไรบ้าง ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจในการทำงานต่าง ๆ มีหลายเรื่องที่จะต้องเร่งดำเนินการภายใน 3 เดือนนี้ และในส่วนนโยบายทางการเมืองต้องสอดคล้อง และคิดใหม่ทำใหม่ ไม่ใช่เพียงเสนอว่าจะให้ เหมือนที่ผ่านมา และที่สำคัญข้าราชการต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจว่า การที่ลำบากในวันนี้ จะได้ความสบายอะไรในอนาคต .-สำนักข่าวไทย