โพลชี้ นร.เห็นด้วยยกเลิกแอทมิชชั่นส์

สำนักข่าวไทย 17 ก.ย.-กรุงเทพโพลล์เผย เด็กกว่าร้อยละ 72 เห็นด้วยกับมติทปอ. เลิกระบบแอดมิชชั่นส์ ใช้ระบบรับตรงกลางแทน ชี้ลดความเหลื่อมล้ำ  อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 47 กังวลเพราะการสอบมีเพียงครั้งเดียว   ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผย กรุงเทพโพลล์ “นักเรียน ม.ปลายคิดอย่างไรกับการเปลี่ยนรูปแบบการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย ปี 2561” หลังที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศ(ทปอ.) มีมติปรับเปลี่ยนวิธีการคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาแทนระบบแอดมิชชั่นในปีการศึกษา 2561 โดยสำรวจความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย 1,218 คน พบว่า ร้อยละ 71.8 เห็นด้วย สามารถลดความเหลื่อมล้ำและความไม่เท่าเทียมในการสอบของนักเรียนฐานะดีและฐานะด้อย /ร้อยละ 66 การสอบแบบใหม่แก้ปัญหาการเสียค่าใช้จ่ายในการสอบหลายครั้ง /ร้อยละ 63.เห็นว่าสามารถแก้ปัญหาเด็กเก่งสอบตรงติดหลายที่ทำให้ไปกันที่ของเด็กคนอื่น //ร้อยละ 53.5 ระบุว่าการปรับเปลี่ยนทำให้ต้องวางแผนการอ่านหนังสือใหม่ทั้งหมด เพราะไม่รู้แนวข้อสอบ ร้อยละ 46.5 ระบุไม่ส่งผลกระทบ เพราะมีเวลาเตรียมตัวทัน ทุกคนจะได้เท่าเทียมกัน ไม่ต้องสอบหลายครั้ง   ส่วนเรื่องที่กังวลมากคือ เมื่อเปลี่ยนรูปแบบการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย ร้อยละ 47 ระบุว่าไม่มีโอกาสสอบแก้ตัวเพราะสอบเพียงครั้งเดียว ร้อยละ 25.5 ระบุว่าโอกาสในการสอบติดมหาวิทยาลัยของรัฐน้อยลง และร้อยละ 12.9 ระบุว่าไม่ทราบเกณฑ์การคิดคะแนนสอบของแต่ละมหาวิทยาลัย และเมื่อถามถึงหลักเกณฑ์ที่ใช้เลือกมหาวิทยาลัยที่จะศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของรัฐ นักเรียนร้อยละ 66.7 ระบุว่า เลือกคณะที่ชอบและอยากเรียนเป็นหลัก ร้อยละ 20.4 ระบุว่าเลือกสถาบันที่ชอบเป็นหลัก และร้อยละ 6.5 ระบุเลือกคณะใดก็ได้ที่มีคะแนนถึง // สำหรับความเห็นต่อการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยด้วยระบบใหม่ ในปีการศึกษา 2561 ว่าจะนำไปสู่การพัฒนาระบบการเรียนการสอนของไทยได้หรือไม่  ร้อยละ 28.6 คิดว่าได้ ขณะที่ร้อยละ23.2 คิดว่าไม่ได้ และมีถึงร้อยละ 48.2 ระบุว่าไม่แน่ใจ   ทั้งนี้เรื่องที่คิดว่าการศึกษาไทยควรแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุด ร้อยละ 23.2ควรลดเนื้อหาที่ไม่จำเป็น ลดทฤษฎี เพิ่มการปฏิบัติและการนำไปใช้ได้จริง ร้อยละ 17.5ประสิทธิภาพในการสอนผู้สอน การใช้สื่อและเทคนิคในการสอนของครูเพื่อสื่อให้นักเรียนเข้าใจ  และร้อยละ 17.2ควรสอบเท่าที่จำเป็น ออกข้อสอบถูกต้องมีมาตรฐาน ไม่ควรเกินจากหลักสูตรที่เรียน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 20 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ฝุ่น กทม.

คนกรุงจมฝุ่นต่อเนื่อง เช้านี้อยู่ระดับสีแดง 21 พื้นที่

กทม. อ่วมหนัก ฝุ่น PM 2.5 พุ่งต่อเนื่อง อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 21 พื้นที่ ย้ำสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่นอกอาคาร และงดกิจกรรมกลางแจ้ง