พรรคชาติไทยพัฒนา 29 ส.ค. – “นิกร จำนง” ชี้ คณะกรรมการสรรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ไม่ใช่ไพรมารีโหวต เพราะสมาชิกพรรคไม่มีส่วนเลือกผู้สมัคร แนะควรใช้ไพรมารีโหวตโดยปรับเป็นรายภาค เพื่อจะได้ทราบปัญหาและนำมาปรับปรุงในอนาคต และเป็นการเคารพความตั้งใจของสนช.
นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวไทย ถึงกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เตรียมใช้มาตรา 44 คลายล็อก ปลดล็อก และปรับหลักเกณฑ์การทำไพรมารีโหวต ว่า พรรคไม่ขัดข้อง แต่ต้องยอมรับว่าวิธีการดังกล่าวไม่ใช่การทำไพรมารีโหวต เพราะทำไพรมารีคือการให้สมาชิกพรรคการเมืองมีส่วนเลือกผู้สมัครในเบื้องต้น ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ถ้าลงรายละเอียดตามพ.ร.ป.พรรคการเมือง คงทำไม่ได้แน่นอน แต่ในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะต้องใช้ จึงเห็นว่าควรลองใช้ โดยอาจจะทำเป็นรายภาค เพื่อจะได้ทราบปัญหาและนำมาปรับปรุงในอนาคต
“ผมรับได้ เพราะถ้าต้องทำตามรายละเอียดกฎหมายพรรคการเมือง คงทำไม่ทัน แต่คราวหน้าต้องทำ ดังนั้นในคราวนี้ความเห็นผมเห็นว่า น่าจะให้มีเชื้ออยู่บ้าง คือทำไพรมารีเป็นรายภาค น่าจะดี เป็นการเคารพต่อความตั้งใจของสนช.เขา จริง ๆ แล้วผมไม่ได้เห็นด้วยกับไพรมารี แต่เมื่อมีแล้ว ก็ถือเป็นการพัฒนาอย่างหนึ่ง แต่ถ้าจะให้ง่ายในนามพรรคการเมือง ทำแบบคณะกรรมการ 11 คน ผมว่าง่าย ๆ แต่ถ้าจะรักษาความตั้งใจของสนช.ไว้ ก็ต้องทำเป็นรายภาค ” นายนิกร กล่าว
ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ยังกล่าวถึงการคลายล็อค 9 อย่างดูเหมือนจะคลี่คลาย แต่ความจริงแล้วในคำสั่งที่จะออกมา ไม่ได้ชี้ว่าสาระสำคัญคืออะไร เช่นที่ระบุว่าใน 90 วันให้พรรคการเมืองสามารถประชุมพรรคได้ หาสมาชิกพรรคได้ แต่ปัญหาคือไม่ได้ชี้ว่าองค์ประชุมจะปรับหรือไม่ เพราะองค์ประชุมใหญ่ของพรรคการเมืองจะประกอบด้วยสาขาพรรค หัวหน้าสาขาพรรค และตัวแทนประจำจังหวัด แต่ขณะนี้สาขาพรรคถูกยุบทิ้งไปหมดแล้ว ดังนั้นจะต้องชี้มาให้ชัดว่าหัวหน้าสาขาต้องไม่นับเป็นองค์ประชุม ไม่เช่นนั้นจะประชุมไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องตัวแทนประจำจังหวัด ที่ในกฎหมายระบุให้เป็นตัวแทนเขต ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการแบ่งเขต อีกทั้งกรรมการสรรหาจะต้องมาจากส่วนนี้ ดังนั้นจะต้องปรับแก้ในส่วนนี้ในคราวเดียวกันให้เข้ากับหลักการและวิธีการในการปฏิบัติ
นายนิกร กล่าวว่า แม้ว่าคสช.จะคลายล็อคหรือปลดล็อคหลังกฎหมายเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ ซึ่งอาจจะดูล่าช้า แต่พรรคการเมืองก็ไม่มีสิทธิเลือก และจะต้องปฏิบัติให้ทัน ซึ่งหลายเรื่องเหมือนง่ายเวลามีคำสั่ง เช่น การห้ามพรรคการเมืองหาเสียง แต่ให้หาสมาชิกพรรคได้ ซึ่งสิ่งที่จะทำให้คนเลือกเป็นสมาชิก คือความศรัทธาในนโยบาย และการที่พรรคการเมืองไปบอกนโยบายของพรรคว่าดีกว่าพรรคอื่นอย่างไร ก็ไม่ต่างจากการหาเสียง และตรงนี้จะเป็นปัญหาในเรื่องการตีความระหว่างการหาเสียงกับหาสมาชิก แล้วจะทำให้เกิดความวุ่นวายตามมา สร้างปัญหาในกับกกต.อย่างแน่นอน
ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่กกต.ระบุ 24 ก.พ.2562 เป็นวันเลือกตั้งในเบื้องต้นว่า รัฐบาลและคสช.ก็ขานรับแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอื่นที่จะเลื่อนออกไป เว้นแต่จะมีเหตุที่คสช.และรัฐบาลไม่ทราบ แต่อย่างไรก็ตามพรรคพร้อมตั้งแต่ต้น เพราะไม่ได้ชิงธงว่าจะต้องเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ต้องการรักษาพรรค นโยบาย และประชาชนของพรรคเอาไว้ โดยขณะนี้ได้เตรียมนโยบายโครงใหญ่เสร็จเรียบร้อยแล้ว.-สำนักข่าวไทย