กรุงเทพฯ 29 ส.ค. – กรมสรรพสามิตแจงจับพ่อค้าขายน้ำข้าวหมากบุรีรัมย์ หลังพบแอลกอฮอล์เกินกฎหมายกำหนด สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
ประเด็นข่าวกรณีนายลภณ จันน้อย พ่อค้าขายน้ำข้าวหมาก จังหวัดบุรีรัมย์ และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมได้นำน้ำข้าวหมากบรรจุขวดมาร้องขอความเป็นธรรมที่กรมสรรพสามิต หลังถูกเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตจับดำเนินคดีข้อหาจำหน่ายสุราแช่โดยไม่ได้รับอนุญาตที่มีการวางจำหน่ายในงานแสดงสินค้าโอทอป อีกทั้งได้หยิบยกคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับแป้งข้าวหมาก นั้น
กรมสรรพสามิตขอชี้แจงว่าตั้งแต่ปี 2547 กรมสรรพสามิตได้ยกเลิกการควบคุม “แป้งข้าวหมัก” (ข้าวหมาก) ว่าเป็นเชื้อสุรา หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าการกำหนดให้แป้งข้าวหมักเป็นเชื้อสุราขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ สำหรับพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ที่เป็นกฎหมายใช้บริหารจัดเก็บภาษีสรรพสามิตในปัจจุบันมีการควบคุมเฉพาะสินค้าสุรา โดยไม่ได้ควบคุมเชื้อสุราและมิได้มีการควบคุมแป้งข้าวหมักแต่อย่างใด ดังนั้น การนำแป้งข้าวหมักมาทำเป็นข้าวหมาก เพื่อใช้ในการบริโภคกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน จึงไม่มีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิต เนื่องจากข้าวหมากไม่ถือเป็นสุราและไม่อยู่ในการควบคุมของกรมสรรพสามิต
ส่วนกรณีน้ำข้าวหมากที่นำมาร้องขอความเป็นธรรมนั้น มีลักษณะเป็นของเหลวเช่นเดียวกับน้ำสุรา จากตัวอย่างน้ำข้าวหมากที่นายลภณฯ นำมาแจกจ่ายที่กรมสรรพสามิตได้นำส่งตรวจวิเคราะห์ที่กลุ่มวิเคราะห์สินค้าและของกลาง กรมสรรพสามิตทันที ซึ่งผลการวิเคราะห์ตัวอย่างทั้ง 3 ประเภท ปรากฏว่า น้ำขาวหมากสีม่วง มีแรงแอลกอฮอล์ 4.230 ดีกรี น้ำข้าวหมากสีขาว มีแรงแอลกอฮอล์ 3.815 ดีกรี และน้ำข้าวหมากสีแดง มีแรงแอลกอฮอล์ 4.844 ดีกรี ดังนั้น น้ำข้าวหมากตัวอย่างทั้งหมดมีแรงแอลกอฮอล์เกินกว่า 0.5 ดีกรี จึงมีคุณสมบัติเป็นสุราตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 ซึ่งตามกฎหมายภาษีสรรพสามิตไม่ได้มีข้อห้ามในการผลิตสุรา เพียงแต่กำหนดว่าจะต้องขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อควบคุมการผลิตสุราให้มีคุณภาพมาตรฐาน โดยไม่ให้มีผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม ผู้ที่ประสงค์ผลิตสุราสามารถยื่นคำขอการผลิตสุราได้ที่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สาขาในท้องที่ที่จะทำการผลิตสุรา และหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการขออนุญาตสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่และสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สาขาในวันและเวลาราชการ
สำหรับประเด็นการร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ที่จับกุมว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายนั้น กรมสรรพสามิตอยู่ระหว่างดำเนินการแต่งตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย.-สำนักข่าวไทย