นายกฯ เตรียมชูหลักเศรษฐกิจพอเพียงในเวทียูเอ็น

veerachon - 17-11-2558 16-54-30กรุงเทพ ฯ 19 ก.ย.- นายกฯ ร่วมประชุมสมัชชายูเอ็น 20-23 ก.ย. เตรียมแสดงวิสัยทัศน์ด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน  ยกหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทาง พร้อมรับเชิญจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้าร่วมประชุมแก้ปัญหาผู้ลี้ภัย  


พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 71 ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 20-23 กันยายน 2559 ว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นปีพิเศษ ที่นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมประชุม ในฐานะประธาน G 77 ด้วย โดยที่ประชุมจะหารือถึงเป้าหมายของการพัฒนา ซึ่งเป็นวาระการพัฒนา 2030  ของสหประชาชาติ

พล.ต.วีรชน กล่าวว่า    นายกรัฐมนตรีจะกล่าวถ้อยแถลง แนวทางที่จะทำให้ประชาคมโลก บรรลุเป้าหมายการพัฒนาร่วมกัน โดยจะนำเสนอหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมจัดนิทรรศการให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้เยี่ยมชมภายในสำนักงานองค์การสหประชาชาติด้วย


“ในช่วง 2 ปีที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศ  นายกรัฐมนตรีได้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เสนอในเวทีการประชุมระดับนานาชาติสำคัญหลายเวที ทำให้หลายประเทศให้ความสนใจและสอบถาม เพื่อนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ไปใช้พัฒนาประเทศของตัวเองให้เกิดความยั่งยืน” พล.ต.วีรชน กล่าว

พล.ต.วีรชน กล่าวว่า ที่ประชุมจะหารือเรื่องสุขภาพ การต่อต้านการดื้อยา ที่กำลังส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาคมโลกในวงกว้าง เพราะการใช้ยาอย่างผิด ๆ โดยเฉพาะการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ และกำลังเป็นปัญหาลุกลามส่งผลกระทบด้านความั่นคงของมนุษย์ เรื่องค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพที่แต่ละประเทศต้องแบกภาระแก้ไข

พล.ต.วีรชน กล่าวว่า  นอกจากนี้ ที่ประชุมจะหารือเรื่องการบังคับใช้ความตกลงปารีสที่ลงนามไปเมื่อปีที่แล้ว เกี่ยวกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ หรือปัญหาโลกร้อนที่กำลังส่งผลกระทบวงกว้างต่อทั้งโลก ทั้งเรื่องฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลง และหมู่เกาะต่าง ๆ ที่กำลังมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น


พล.ต.วีรชน กล่าวว่า การร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติครั้งนี้ ยังจะเป็นโอกาสให้นายกรัฐมนตรีบอกเล่า ถึงความคืบหน้าการดำเนินการตามโรดแมปของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีมีโอกาสร่วมประชุมครั้งสำคัญของโลกหลายครั้ง ซึ่งเป็นโอกาสดีที่นายกรัฐมนตรีได้พบกับผู้นำหลายประเทศ ซึ่งผู้นำเหล่านั้นไม่ได้สอบถามปัญหาภายในประเทศไทย แต่สิ่งแรกที่จะพูดกับนายกรัฐมนตรี คือการแสดงความยินดีต่อการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย แสดงถึงความคืบหน้าการดำเนินงานของรัฐบาลตามโรดแมป

“นานาชาติรับทราบว่า ขั้นตอนการลงประชามติของไทย ไม่ใช่การบังคับ แต่เป็นขั้นตอนที่รัฐบาลนำเสนอให้เกิดขึ้น  ถือเป็นก้าวแรกของประเทศไทย ในการจะกลับไปเป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยอย่างยั่งยืน ซึ่งต่างประเทศติดตามเราอยู่ การไปต่างประเทศแต่ละครั้งของนายกรัฐมนตรี ทำให้มีโอกาสได้ชี้แจงความคืบหน้าที่ได้ดำเนินการไปแล้ว แม้ว่าประเด็นต่าง ๆ ที่ถูกนำเสนอผ่านสื่อ อาจจะครบบ้าง ไม่ครบบ้าง ด้วยปัจจัยใดก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงให้เกิดควมเข้าใจ” พล.ต.วีรชน กล่าว

พล.ต.วีรชน  กล่าวว่า นอกจกการร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติแล้ว นายกรัฐมตรีจะเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำว่าด้วยเรื่องผู้ลี้ภัย ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรก ที่ริเริ่มโดยนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยเชิญประเทศที่มีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับการแก้ปัญหาผู้ลี้ภัย และการโยกย้ายถิ่นฐานขนาดใหญ่อย่างผิดปกติเข้าร่วมหารือ

“การเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ ไม่ใช่ทุกประเทศที่เข้าประชุมสหประชาชาติจะได้เข้าประชุมด้วย แต่เป็นการประชุมที่ต้องได้รับเชิญเท่านั้น  การที่นายกรัฐมนตรีได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุมด้วย สะท้อนให้เห็นถึงบทบทสำคัญที่สหรัฐอเมริกาและสหประชาชาติมองว่า ไทยเป็นประเทศที่มีความสำคัญ ที่จะดูแลปัญหาผู้ลี้ภัย และปัญหาการโยกย้ายถิ่นฐานอย่างผิดปกติ” พล.ต.วีรชน กล่าว

พล.ต.วีรชน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีจะพูดถึงการดำเนินการของไทยที่ผ่านมา ซึ่งบทบาทของไทยกับผู้ลี้ภัยมีมาหลายสิบปีแล้ว โดยรับผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบถึง 200,000 คน จัดตั้งศูนย์แรกรับตามพื้นที่ชายแดนอย่างน้อย 9 แห่ง ซึ่งการดำเนินการของไทยที่ผ่านมา ได้รับการยอมรับจากประชาคมโลก อย่างไรก็ตาม ได้มีเรื่องใหม่เกิดขึ้น คือเรื่องการโยกย้ายถิ่นฐานผิดปกติ  ซึ่งมีมูลเหตุ 2 ประการหลัก คือ ปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจ

“นายกรัฐมนตรีจะชี้ให้เห็นว่า ไทยมีกระบวนการคัดกรองว่า กลุ่มไหนเดือดร้อนจริง หรือกลุ่มไหนเรื่องเศรษฐกิจ กลุ่มไหนเกี่ยวพันกับการค้ามนุษย์ ซึ่งที่ผ่านมาภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์  ให้ความสำคัญการแก้ปัญหาค้ามนุษย์อย่างจริงจัง นายกรัฐมนตรีจะเล่าให้ที่ประชุมทราบถึงแนวทางดำเนินการ ทั้งการปรับแก้กฎหมาย การบังคับใช้กฎหมาย” พล.ต.วีรชน กล่าว

พล.ต.วีรชน กล่าวว่า ส่วนการดูแลผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ไทยได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เนื่องจากประเทศไทยไม่ได้เป็นประเทศเป้าหมายของคนเหล่านั้น แต่เป็นประเทศกลางทาง ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาว่า ประเทศต้นทางจะทำอย่างไร ให้คนเหล่านั้นได้รับการดูแล และไม่มีความคิดจะโยกย้ายออกจากถิ่นฐานบ้านเกิด ทำให้เขารู้สึกว่าสามารถอยู่ในบ้านเมืองตัวเองได้อย่างมีความสุข ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกับประเทศต้นทาง

“ในส่วนของประเทศไทย จะต้องดูแลเรื่องการเตรียมความพร้อม โดยดูแลเรื่องการศึกษา เพิ่มพูนทักษะ ให้คนเหล่านั้นไปประกอบอาชีพได้ เมื่อกลับบ้านเมืองตัวเอง หรือไปประเทศที่สาม การดูแลด้านสุขภาพ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะแสดงวิสัยทัศน์ของประเทศไทยต่อปัญหานี้ เพราะนับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้นและต้องได้รับการแก้ไขอย่างยั่งยืน  ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ต้องให้ความสนใจที่สาเหตุของปัญหา และต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง” พล.ต.วีรชน กล่าว      .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]

“พิเชษฐ์” ชิงปิดประชุมสภาฯ หลังถกวุ่นเสนอนับองค์ประชุม

รัฐสภา 17 ก.ค.- “พิเชษฐ์” ทำแฮตทริก ชิงปิดประชุมสภาฯ หลัง “สส.ปชน.” เสนอนับองค์ประชุม ขณะที่ สส.เพื่อไทย ขอให้นับแบบขานชื่อ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ขณะรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 66 และรายงานการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินประจำปีงบประมาณ 2566 ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมีผู้อภิปรายไปเพียงคนเดียวคือนายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรคประชาชน ทำให้นายเฉลิมพงศ์ แสงดี สส.ภูเก็ต พรรคประชาชน ลุกขึ้นอภิปรายว่า เห็นสมาชิกในห้องประชุมบางตาอยากจะเช็คความตั้งใจการทำงานของสส.ฝ่ายรัฐบาล จึงขอนับองค์ประชุม และมีผู้รับรองถูกต้องจากนั้นนายพิเชษฐ์ กดออดเรียกสมาชิกพร้อมกล่าวว่า “ไม่อยากอภิปรายแล้วหรือ” พร้อมทั้งขอให้วิปรัฐบาลแจ้งสส.ที่อยู่ในห้องประชุมอื่นเพื่อรีบเข้าห้องประชุมใหญ่ ขณะที่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การขอนับองค์ประชุมและมีผู้รับรอง ถือเป็นสิ่งสวยงาม แต่หากมีคนเสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ คงใช้เวลาถึงค่ำ ดังนั้น ขอร้องเพื่อนสมาชิก เดือนนี้ขออย่านับองค์ประชุมเลย แล้วไปนับองค์ประชุมเดือนหน้า […]

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]