อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ร.ต.อ.สมพร เหล่าสิงห์ อายุ 59 ปี รองสารวัตร กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 22 อุบลราชธานี ให้การกับตำรวจ สภ.เมืองอุบลราชธานี กรณีถูกชายอายุประมาณ 20-25 ปี ขี่จักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน 1 กท 1405 อุดรธานี ปาดหน้า ก่อนใช้มีดอีโต้ที่พกมาด้วยฟันเข้าที่ตัวรถได้รับความเสียหาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา
ร.ต.อ.สมพร เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุได้ขออนุญาตผู้บังคับบัญชาไปทำธุระที่ จ.อำนาจเจริญ ขากลับเวลาประมาณ 13.50 น. ขับรถมาตามถนนชยางกูร ขาเข้า ถึงบ้านหัวเรือ ต.หัวเรือ อ.เมืองอุบลราชธานี พบชายวัยรุ่นอายุประมาณ 20-25 ปี ขี่รถถจักรยานยนต์ ในลักษณะปาดซ้าย-ขวา ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น จึงได้ใช้ความระมัดระวังขับแซงหน้าไป เมื่อถึงบ้านด้ามพร้า ต.ขามใหญ่ ชายวัยรุ่นคนเดิมก็ขี่รถจักรยานยนต์ แซงและปาดหน้า แล้วจอดรถขวางหน้ารถเดินเข้ามาด้านข้าง บอกให้ลงจากรถ แต่เนื่องจากตนเองมากับลูกสาว เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จึงไม่ยอมเปิดประตู พร้อมทั้งพยายามขับรถออกจากจุดเกิดเหตุ ระหว่างที่หันหัวรถออกมา ชายคู่กรณีได้ชักมีดอีโต้ออกมาจากเอวฟันเข้าที่กระจกหน้ารถและด้านข้างได้รับความเสียหาย ร.ต.อ.สมพร ยังเล่าอีกว่า ในขณะเกิดเหตุรู้สึกโมโหมาก แต่ก็อดทนพยายามตั้งสติ ขับรถออกมาโดยไม่ตัดสินใจดึงอาวุธปืนใต้ที่นั่งออกมาตัดสินปัญหา ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ก่อนที่จะเกษียนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
นายปรัชญา สำอางอินทร์ อายุ 29 ปี เป็นอีกหนึ่งคนที่รถยนต์ได้รับความเสียหาย หลังขับรถจากบ้านพักในเขต ต.ไร่น้อย อ.เมืองอุบลราชธานี เพื่อจะไปซื้อกระเบื้องที่ร้านจำหน่ายอุปกรณ์ก่อสร้างในตัวเมือง เมื่อมาถึงบริเวณจุดกลับรถ ก็พบชายคนดังกล่าวจอดรถจักรยานยนต์อยู่หน้ารถกระบะสีน้ำเงินกลางถนน ขณะนั้นคิดว่าเป็นอุบัติเหตุรถชนธรรมดาจึงไม่ได้สนใจ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ชายดังกล่าวได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังมาในลักษณะน่าหวาดเสียวแซงขวาและปาดหน้า โดนกันชนหน้าขวาล้มบาดเจ็บ ก่อนจะยกรถจักรยานยนต์มาจอดขวางหน้ารถ พร้อมทั้งโวยวายให้ออกมาจากรถ และโชว์มีดที่เอว ด้วยความกลัวเห็นว่ามีมีด จึงไม่ลงจากรถ แต่โทรแจ้งตำรวจเพื่อขอช่วยเหลือ โชคดีชุดเคลื่อนที่เร็วของกู้ภัยเปิดไซเรนมา ทำให้ชายดังกล่าวขว้างมีดอีกโต้ใส่หน้ารถ หลังคายุบ กระโปรงรถถลอก เสียหายประมาณ 21,000 บาท
สำหรับการติดตามตัวผู้ก่อเหตุรายนี้ พ.ต.ท.รุ่งทวี กล่าวว่า เบื้องต้นตำรวจได้รับคำร้องทุกข์และออกหมายเรียกผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นเจ้าของรถจักยานยนต์ตามคลิปกล้องวงจรปิด มาให้พบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงในวันเวลาที่เกิดเหตุ ใครเป็นผู้ขับขี่รถคันดังกล่าว หากออกหมายเรียก 2 ครั้ง แล้วยังไม่มาพบ ก็จะขออนุมัติหมายจับเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนไปต่อ. – สำนักข่าวไทย


