ราชบุรี 25 ก.ค.-คุณอาของเจ้าบ่าวหนีงานวิวาห์ เผยยินดีไปเจรจาตกลงและยอมรับผิด ขณะที่ตำรวจได้เชิญเจ้าสาวและเจ้าบ่าวมาพูดคุยตกลงกันเมื่อวานนี้ แต่ฝ่ายเจ้าสาวบอกว่า ยังไม่อยากจะคุย โดยจะขอไปปรึกษากับทีมทนายก่อน
นายอดิศักดิ์ อายุ 26 ปี เป็นอาของเจ้าบ่าววัย 18 ปี เจ้าบ่าวที่หนีงานแต่งงานเมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา จนเป็นข่าวใหญ่โต ได้พูดถึงกรณีที่ทางฝ่าย “น้องมะนาว” เจ้าสาววัย 25 ปี จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจำนวน 600,000 บาท และทางตำรวจก็จะเรียกทั้งสองฝ่ายไปเจรจากันนั้นว่า ยินดีที่จะไปเจรจาตกลงกันว่าจะเอาอย่างไร ส่วนเรื่องเงินที่เรียกร้องมานั้น คงไม่มีขนาดนั้น เพราะครอบครัวก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ซึ่งคงจะต้องมาพูดคุยกัน แต่ก็ยอมรับว่าหลานชายของตนเองนั้นผิด แต่เรื่องส่วนตัวของหลานนั้นไม่ได้เข้าไปยุ่งมาก แต่ก็เข้าใจในตัวหลานชายว่า พอถูกฝ่ายเจ้าสาวมาบอกให้หาเงินสินสอดไป ทั้งที่ตอนแรกตกลงกันว่าทางฝ่ายหญิงจะจัดการให้ทั้งหมด และมาบอกในวันก่อนที่จะมีงานเพียงวันเดียว ทำให้หาเงินไม่ได้ ซึ่งหลานชายนั้นยังเป็นเด็กก็เครียดและคิดแบบเด็กๆ ว่าเมื่อหาเงินไม่ได้ก็เลยไม่ไป ทำให้เป็นเรื่องขึ้นมา ซึ่งถ้ามีการฟ้องร้องก็คงจะต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ เพราะตอนนี้แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
ส่วนที่ตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี นัดให้มาเจรจาไกล่เกลี่ย ตนก็ยินดีไป อยากให้เรื่องจบเร็ว เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของหลานชายกับหลานสะใภ้ คนอื่นไม่มีใครรู้เรื่องของเขาสองคน จึงไม่อยากให้ใครไปพูดอะไรมาก และอยากให้เห็นใจทางฝ่ายเราด้วยว่า ระยะเวลาแค่ไม่ถึง 1 วัน กับเงิน 200,000 บาท เราหาไม่ทันจริงๆ
ด้าน พ.ต.ท.เอนก บุตรดี หัวหน้าพนักงานสอบสวน เปิดเผยว่า ได้ให้พนักงานสอบสวนที่รับเรื่องในการมาลงบันทึกประจำวันของฝ่ายเจ้าสาวไว้ เชิญเจ้าสาวและเจ้าบ่าวมาพูดคุยตกลงกัน แต่ฝ่ายเจ้าสาวบอกว่า ยังไม่อยากจะคุย โดยจะขอไปปรึกษากับทีมทนายก่อน และเดินทางไปออกรายการโทรทัศน์ที่ กทม.ด้วย จึงยังไม่ได้มาพูดคุยตกลงกัน
ผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบที่ร้านพรีเวดดิ้งที่น้องมะนาว มาเช่าชุดวิวาห์และให้ร้านถ่ายพรีเวดดิ้งให้ด้วยเมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยนายณัฐพล บุตรหงษ์ อายุ 38 ปี ช่างภาพที่ถ่ายพรีเวดดิ้งให้กับร้าน เล่าว่า ตนเป็นช่างภาพให้ทางร้าน ซึ่งการเป็นช่างภาพก็จะไม่รู้ว่าคู่ไหนมีปัญหาอะไร แต่ที่สังเกตเห็นคือคู่นี้มารถคนละคัน ปกติคู่บ่าวสาวจะมาด้วยกัน ซึ่งอาจจะแปลกจากคู่อื่นๆ ในช่วงที่ถ่ายภาพ เจ้าบ่าวก็จะไม่ค่อยยิ้ม อาจจะเป็นเพราะเจ้าบ่าวนั้นยังเป็นวัยรุ่นด้วย ส่วนเจ้าสาวจะอายุเยอะกว่า แล้วที่ถ่ายมาก็เจอมาหลายคู่แล้ว บางคู่ก็ทะเลาะกันมาก่อน แต่บอกไม่ได้ว่าสุดท้ายแล้วเขาจะจบกันอย่างไร ส่วนคู่นี้จะเกี่ยวกับเรื่องของความไม่พร้อมมากกว่า เพราะผู้ชายนั้นยังเด็กมาก
ด้านนายบรรเจิด จันทรา อายุ 46 ปี เจ้าของร้านพรีเวดดิ้ง ในพื้นที่ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี กล่าวว่า รู้เรื่องว่าน้องมะนาวท้องมาก่อนแล้ว เพราะน้องมะนาวมาเล่าให้ฟัง และอยากจะแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ เพื่อให้พ่อแม่ได้รู้ที่มาที่ไปว่าท้องกับใคร ส่วนหลังจากแต่งแล้วจะเป็นยังไงก็ไม่มีปัญหา ซึ่งทั้งที่รู้แล้วอาจมีปัญหาครอบครัวหลังจากแต่ง แต่ก็ไม่อยากให้พ่อกับแม่ต้องเสียหน้า เพราะเขารักพ่อกับแม่มาก ในวันที่มาเช่าชุดผู้ชายก็ไม่ได้มาด้วย แต่น้องมะนาวจะเป็นคนบอกรูปร่างของผู้ชายให้ฟัง เพื่อให้เราจัดชุดเจ้าบ่าวให้ แต่ในวันที่มาถ่ายพรีเวดดิ้งนั้นผู้ชายมาด้วย ซึ่งก็เห็นว่าต่างคนต่างนั่ง ไม่มีการหยอกล้อเล่นกันผิดจากคู่บ่าวสาวคนอื่นๆ แต่เนื่องจากเรารู้เรื่องมาก่อนแล้ว จึงทำได้แค่เพียงดูแลให้งานเสร็จสิ้นไปได้ด้วยดี
ทั้งนี้ เช่าชุดทั้งหมดคนละ 4 ชุด ชุดที่ใส่วันถ่ายพรีเวดดิ้งคนละ 2 ชุด และใส่วันจริงอีกคนละ 2 ชุด พร้อมกับแต่งหน้า รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 42,000 บาท โดยเจ้าสาวได้จ่ายให้แล้ว แต่สรุปชุดเจ้าบ่าวไม่ได้ใส่เลย ซึ่งก็ไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลายขนาดนี้ เจ้าสาวขอแค่ให้เจ้าบ่าวมาร่วมงานแค่นั้น ขอให้พ่อแม่ได้ภูมิใจ ซึ่งมะนาวนั้นเป็นคนที่สดใสร่าเริง พูดคุยสนุก พอมีเรื่องอะไรก็จะมาเล่าให้ฟัง ตอนนี้ก็รู้สึกสงสารทั้งคู่
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองจังหวัดราชบุรี ให้ทำหน้าที่เป็นคนกลางเจรจาให้จบด้วยดี โดยให้ความเป็นธรรมกับทั้งฝ่ายเจ้าบ่าว และเจ้าสาว ซึ่งตั้งครรภ์อ่อนๆ หากพบมีความผิดคดีอาญาก็ต้องดำเนินคดีไม่ว่าฝ่ายใดก็ตาม ซึ่งพนักงานสอบสวนจะต้องพิจารณาด้วยว่า มีการทำสัญญาแต่งงานเป็นลายลักษณ์อักษร หรือแค่สัญญาใจ
ส่วนฝ่ายเจ้าสาว หากคิดว่าเสียหาย ก็สามารถฟ้องร้องทางแพ่งเรียกค่าเสียหายกับฝ่ายเจ้าบ่าวได้ เช่น ค่าจัดงานแต่ง 900,000 บาท ขณะที่ฝ่ายเจ้าบ่าว หากยืนยันว่า มีการป้องกันการตั้งครรภ์ก่อนมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง ก็ต้องนำหลักฐานมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ส่วนการพิสูจน์ลูกในครรภ์นั้น ต้องให้ฝ่ายเจ้าสาวยินยอมด้วย.-สำนักข่าวไทย
