อุดรธานี 20 ก.ค.-วงจรปิดจับภาพชายหนุ่มก่อเหตุอุกอาจ เปลือยกายนำอุจจาระไปทิ้งใส่บ้านของเพื่อนบ้านข้างเคียง ก่อนตำรวจตามจับตัวมาได้ อ้างแก้แค้นที่เพื่อนบ้านทำน้ำกระเด็นเข้ามาใส่บ้านตนเองหลายครั้ง
ศูนย์วิทยุร่มโพธิ์ทอง สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งจากเจ้าของบ้านที่บ้านหนองตุ เขตเทศบาลนครอุดรธานี ว่ามีคนนำสิ่งปฏิกูล (อุจจาระ) ปาใส่เข้ามาภายในบ้าน ซึ่งทราบตัวคนก่อเหตุเพราะกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ สามารถบันทึกภาพผู้ก่อเหตุไว้ได้ โดยจุดเกิดเหตุเป็นบ้านปูน 2 ชั้น พบเจ้าของบ้าน คือ นายศิริบูรณ์ พรหมคุณ อายุ 51 ปี พาไปชี้จุดที่มีคนปาสิ่งปฏิกูลที่เป็นอุจจาระ เข้ามาในบ้านข้างกำแพงหลังบ้าน และที่บริเวณหน้าบ้านใกล้ชั้นวางรองเท้า มีคราบถุงใส่เศษขยะที่เป็นอาหารที่เจ้าของบ้านนำมาทิ้งขยะก่อนหน้านี้ จากนั้นนายศิริบูรณ์ เจ้าของบ้าน ได้เปิดภาพกล้องวงจรปิดที่สามารถบันทึกภาพเอาไว้ ทำให้รู้ตัวผู้ที่มาก่อเหตุว่าไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเพื่อนบ้านของนายศิริบูรณ์
ภาพจากกล้องวงจรปิด พบเห็นชายไม่สวมเสื้อผ้าที่บ้านรั้วติดกันกับผู้เสียหาย เดินมาในช่วงเวลา 04.15 น.เช้าวันนี้ ในมือซ้ายถือวัตถุบางอย่างและมือขวาถือขันน้ำ ก่อนที่นำอุจจาระหย่อนเข้าไปในบ้านผู้เสียหาย และเดินกลับเข้าไปในบ้าน พอรุ่งเช้าเจ้าของบ้านมาพบถุงใส่เศษขยะอาหารอยู่หน้าบ้านใกล้กับชั้นวางรองเท้าและก้อนอุจจาระข้างกำแพงหลังบ้าน จึงเปิดกล้องวงจรปิด
จากนั้นตำรวจได้ไปบ้านที่อยู่ติดกับบ้านผู้เสียหาย ซึ่งเป็นของผู้ก่อเหตุ ทราบชื่อ นายสมพงษ์ นราโสภณ อายุ 48 ปี เมื่อตำรวจเข้าไปที่บ้านถึงกับหน้าซีด เพราะตำรวจบอกว่าเจ้าของบ้านผู้เสียหายมีหลักฐานชัดเจนจากกล้องวงจรปิด และนายสมพงษ์ เป็นผู้ก่อเหตุ ทั้งนี้เจ้าตัวไม่เปิดเผยสาเหตุที่แน่ชัดว่าทำไปเพื่ออะไร แต่ระหว่างสอบถามได้มีญาติของนายสมพงษ์ อ้างว่าเพื่อนบ้านทำน้ำกระเด็นเข้ามาใส่บ้านตนเองหลายครั้ง
หลังจากนั้นตำรวจและเจ้าของบ้านได้ให้นายสมพงษ์ ไปเก็บอุจจาระของตนเองออกจากบ้านผู้เสียหาย พร้อมกับให้นายสมพงษ์ยกมือไหว้ขอโทษ และรับปากว่าจะไม่ทำอย่างนี้อีกต่อไป จากนั้นตำรวจได้ทำประวัติเอาไว้เป็นหลักฐาน
นายศิริบูรณ์ พรหมคุณ เจ้าของบ้านผู้เสียหายให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ติดใจเอาความในครั้งนี้ แต่หากมีครั้งต่อไปจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด นอกจากนี้ยังบอกว่า ก่อนหน้านี้เคยถูกปาอุจจาระ รวมไปถึงผ้าอนามัยและถุงเศษอาหารเข้ามาใส่ในบ้านหลายครั้ง เหตุเกิดขึ้นในช่วงเวลา 03.00-04.00 น. ซึ่งตนรู้ตัวคนที่กระทำเป็นใคร และเคยตักเตือนและเรียกมาคุยหลายครั้งก็ไม่เป็นผล โดยก่อเหตุแบบนี้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง จึงไปแจ้งความเอาไว้เมื่อเดือนพฤษภาคม จากนั้นได้ติดกล้องวงปิดเพื่อจะได้มีหลักฐาน จนสามารถบันทึกภาพผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้อย่างชัดเจน.-สำนักข่าวไทย