นิวยอร์ค 21 ก.ย.-นายกรัฐมนตรีร่วมกิจกรรมระดับสูงว่าด้วยการมีผลใช้บังคับของความตกลงปารีส ย้ำการหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็นหน้าที่ของทุกประเทศ
“จิตตานันท์ นิกรยานนท์” ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ที่ติดตามภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 71 ระหว่างวันที่ 18-25 กันยายน 2559 ณ นครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เวลา 08.00 น. วันที่ 21 กันยายน 2559 ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าเวลาประเทศไทย 11 ชั่วโมง นายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมกิจกรรมระดับสูงว่าด้วยการมีผลใช้บังคับของความตกลงปารีส (High-level Event on the Entry into Force of the Paris Agreement) ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยมีผู้นำจากประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมกิจกรรม อาทิ ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ประธานาธิบดีฮังการี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย นายกรัฐมนตรีฟิจิ ประธานาธิบดีไนจีเรีย
ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวสืบเนื่องจากประเทศไทยเห็นชอบให้สัตยาบันเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงปารีส ตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change – UNFCCC) สมัยที่ 21 (COP21) ที่จัดขึ้นเมื่อปี 2558 ณ กรุงปารีส ได้บรรลุความตกลงปารีส (Paris Agreement) ซึ่งเป็นความตกลงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศฉบับใหม่ โดยประเทศต่าง ๆ ตกลงร่วมกันที่จะมุ่งรักษาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส และให้มีความพยายามเพิ่มขึ้นเพื่อรักษาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิให้ต่ำกว่า 1.5 องศาเซลเซียส เพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัว และทำให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนเพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับต่ำและมีภูมิต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยในการประชุมครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบสัตยาบันสารในการเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงปารีสให้แก่นายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ
นายกรัฐมนตรีประกาศการเข้าเป็นภาคีความตกลงปารีสของประเทศไทย ว่า ประเทศไทยมีความยินดีที่ได้เข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงปารีสในวันนี้ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปัญหาระดับโลกที่ส่งผลกระทบต่อทุกประเทศ สำหรับประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนา ผลกระทบที่เกิดขึ้นยิ่งมีนัยสำคัญและเป็นผลกระทบกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นภาวะโลกร้อน ภัยพิบัติ กระทบต่อการทำกินและรายได้ของเกษตรกร ก่อให้เกิดความยากจน เป็นภัยต่อความมั่นคงทางอาหาร และท้ายที่สุด เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ผลกระทบเหล่านี้ไม่เพียงเป็นภัยต่อโลกปัจจุบัน แต่มีผลถึงลูกหลานของพวกเราในอนาคต
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า การเข้าเป็นภาคีความตกลงปารีส เป็นก้าวที่สำคัญยิ่งก้าวหนึ่งของไทย ประเทศไทยเข้าร่วมเพราะตระหนักในความรับผิดชอบร่วมกันของทุกคนที่จะรักษาโลกนี้ไว้ให้กับลูกหลาน จึงต้องร่วมมือกันจำกัดการเพิ่มของอุณหภูมิโลก และเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัว เป็นการส่งสัญญาณถึงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ของประเทศไทยในการมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และมีความต้านทานต่อสภาพภูมิอากาศ
นายกรัฐมนตรีแสดงความชื่นชมประเทศต่าง ๆ ทั้งประเทศหมู่เกาะ ประเทศพัฒนาน้อยที่สุด ซึ่งได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุด ประเทศพัฒนาแล้ว รวมทั้งจีนและสหรัฐฯ ที่ได้แสดงบทบาทนำในการให้สัตยาบันความตกลงปารีส พวกเราจะผ่านภาวะวิกฤตินี้ไปได้ถ้าเราร่วมมือกัน
“ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม และได้ดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง และโปร่งใส โดยจัดทำโรดแมป เพื่อให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ร้อยละ 20 ถึง 25 ภายในปี 2030 ตามที่ได้ประกาศไว้ มุ่งใช้พลังงานทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนขยะเป็นพลังงาน ฟื้นฟูป่าไม้และหยุดยั้งการบุกรุกป่า ลดการขนส่งทางถนนและเปลี่ยนเป็นทางราง เพิ่มการใช้รถยนต์เครื่องยนต์ไฮบริด และพัฒนาอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเน้นการพัฒนาทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการปกป้องธรรมชาติอย่างสมดุล” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการสร้างความตระหนักรู้ของประชาชนและภาคส่วนต่าง ๆ โดยเห็นว่า การหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จำเป็นต้องอาศัยการดำเนินการของทุกประเทศ ไม่ใช่ของประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น จึงขอเรียกร้องให้ทุกประเทศร่วมมือกัน โดยคำนึงถึงศักยภาพของแต่ละประเทศ ตลอดจนความสำคัญของเงินทุน การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการเสริมสร้างขีดความสามารถ เพราะอนาคตของโลกอยู่ในมือเรา ขอให้มาร่วมกันรับผิดชอบดูแลโลกใบนี้ เพื่ออนาคตที่ดีและยั่งยืนของอนุชนรุ่นต่อไป
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน G 77 ได้เยี่ยมชมสำนักงาน G 77 ซึ่งอยู่ภายในสำนักงานสหประชาชาติ มีนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายวีรชัย พลาศัย เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ร่วมคณะตรวจเยี่ยม โดยมีนาย Mourad Ahmia (มูราด อาห์เมีย) เลขาธิการบริหารกลุ่ม 77 ณ นครนิวยอร์ค พร้อมเจ้าหน้าที่ ให้การต้อนรับ.-สำนักข่าวไทย