กระทรวงกลาโหม 13ก.ค.-ทูตสเปน-บราซิล เข้าเยี่ยมคำนับ พล.อ.ประวิตร สานสัมพันธ์ใกล้ชิดยาวนาน จับมือร่วมพัฒนาความร่วมมือด้านต่างๆ ให้มากขึ้น พร้อมเชิญชวนนักธุรกิจเข้ามาร่วมลงทุนในประเทศไทย
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า วันนี้ (13 ก.ค.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้การต้อนรับ นายเอมิลิโอ เด มิเกล กาลาเบีย (H.E. Mr. Emilio de Miguel Calabia) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรสเปนประจำประเทศไทย ที่มาเยี่ยมคำนับ ณ ศาลาว่าการกลาโหม ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ ซึ่งนายเอมิลิโอ กล่าวว่า สเปนและไทย มีความสัมพันธ์ความใกล้ชิดราบรื่นมาถึง 148 ปี โดยสเปน ยินดีและพร้อมที่จะพัฒนาความร่วมมือกับไทยในด้านต่างๆ ให้มากขึ้น ทั้งด้านการทหาร ด้านเศรษฐกิจ การขยายความร่วมมือด้านการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจด้านตะวันออก รวมทั้ง สนับสนุนผลักดันให้มี ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยและสหภาพยุโรป พร้อมทั้งขอให้ไทย พิจารณาจัดส่งนักเรียนทหาร เข้ารับการศึกษาในโรงเรียนนายเรือสเปนอย่างต่อเนื่องทุกปี
พล.ท.คงชีพ เปิดเผยอีกว่า พล.อ.ประวิตร กล่าวแสดงความขอบคุณสเปนที่ส่งนักประดาน้ำ เข้ามาช่วยเหลือเยาวชนที่พลัดหลงติดถ้ำ ที่ผ่านมา และขอขอบคุณสเปน ที่พร้อมให้การสนับสนุนและพัฒนาความร่วมมือกับไทย โดยไทยตระหนักถึงศักยภาพของสเปน โดยเฉพาะด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านพลังงานทดแทน ด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ รวมทั้ง การส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการด้านประมงและการถ่ายทอดเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยให้ไทยสามารถแก้ปัญหา IUU ได้อย่างยั่งยืน พร้อมกันนี้ ไทยพร้อมแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงและระดับเจ้าหน้าที่ระหว่างกองทัพ รวมทั้งขยายความร่วมมือสู่การจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างกัน เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ ให้ใกล้ชิดและแน่นแฟ้นมากขึ้น
ด้าน พล.อ.ต.รังสรรค์ เยาวรัตน์ ผู้ช่วยโฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า วันนี้ (13 ก.ค.) นางอานา ลูซี เชนทิล กาบรัล เพเทอร์เซิน (H.E. Mrs. Ana Lucy Gentil Cabral Petersen) เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคำนับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เนื่องในโอกาสเข้ารับหน้าที่โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่พัฒนามาด้วยดีและยาวนานครบ 60 ปีในปี 2562 โดยทั้งไทยและบราซิลต่างมีศักยภาพที่จะร่วมมือกันในหลายด้านทั้งด้านการทหาร การค้า การลงทุน การเกษตร พลังงานทดแทน และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ รวมถึงโอกาสในการติดตามและผลักดันความร่วมมือในมิติต่างๆ ผ่านเวทีการประชุม Political Consultations ที่จะมีขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคม2561 และในโอกาสที่ไทยมีนโยบายการลงทุนที่สำคัญ โดยเฉพาะโครงการ EEC จึงเชิญชวนนักธุรกิจบราซิลเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าว ซึ่งในอนาคตจะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งระดับโลก.-สำนักข่าวไทย