กทม.26 มิ.ย.- ตำรวจผนึกกำลังนำหมายเข้าจับกุมชาวจีน ใช้ไทยเป็นฐานปั่นหุ้น หลอกชาวจีนในไทยและจีนในแผ่นดินใหญ่
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พร้อมตำรวจ 191 ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สน.พระโขนง นำหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้น บ้านพัก เลขที่ 1/46 หมู่บ้าน นครินทร์ ซอยสุภาพงษ์ 3 แยก 8 และบ้านเลขที่ 49 ในซอยสุภาพงษ์ 1 แยก 6 ถนนศรีนครินทร์ มีนางสาวภิรญา เตชชินสิริกุล อายุ 45 ปี เป็นเจ้าของบ้าน หลังสืบทราบ มีชาวจีน ใช้ไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด ปั่นหุ้น หลอกชาวจีน ที่อยู่ในประเทศไทยและชาวจีนในแผ่นดินใหญ่ ผ่านระบบวีแชท และ ระบบคิวคิว จึงนำกำลังเข้าจับกุมชาวจีนได้รวม 21 คน คนไทย 1 คน พร้อมโทรศัพท์ มือถือ 194 เครื่อง ซิมการ์ด 3,680 แผ่น คอมพิวเตอร์ 21เครื่อง
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหาชาวจีนทั้งหมดเดินทางเข้าไทยโดยวีซ่านักท่องเที่ยว แต่ต่อมามีการแจ้งเปลี่ยนแปลงวีซ่าเป็นประเภทนักเรียน ที่เข้ามาเรียนที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่ปรากฏว่าไม่ได้ไปเรียนตามที่แจ้งไว้ แต่กลับมาทำกระทำความผิด โดยการ หลอกคนจีนในไทย และที่จีนแผ่นดินใหญ่ชักชวนมาลงทุนเล่นหุ้น ผ่านระบบวีแชท และระบบคิวคิว โดยผู้ต้องหาจะทำตัวเป็นโปรเกอร์เถื่อน เชียร์ให้เหยื่อลงทุนซื้อหุ้นจีน โดยกลุ่มผู้ต้องหาจะเลือกปั่นหุ้นจีนที่ราคาถูก สร้างความเสียหายให้กับตลาดหุ้นจีน มูลค่า มหาศาล และสาเหตุที่ผู้ต้องหาเลือกไทยเป็นฐานในการกระทำความผิดเนื่องจากว่าประเทศไทยมีสัญญาณ 4G แรงและเข้าออกสะดวก. จากนี้จะประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเพิกถอนวีซ่า ชาวจีนทั้งหมด และแจ้งข้อหา ชักชวน ชักจูงให้มีการซื้อหุ้น โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์ ส่วน นางสาวภิรญา ให้เช่าบ้าน และเป็นนายหน้า หาที่อยู่ให้กับชาวจีนในขบวนการดังกล่าว แม้ว่าจะอ้างว่าไม่รู้เห็นเพียงแต่มีคนมาติดต่อขอเช่าบ้านให้กับผู้ต้องหาชาวจีน จึงตัดสินใจให้ชาวบ้านชั้น 3 เป็นที่เก็บของในราคาเดือนละ 100,000 บาท และได้ไปหาเช่าบ้านอีกแห่งหนึ่งในซอยสุภาพงษ์3 แยก8 ในราคาเดือนละ 30,000 บาทเท่านั้น แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ อาจมีส่วนรู้เห็นเพราะจากการตรวจค้นบ้านของนางสาวภิรญา ในซอยสุภาพงษ์ 1แยก 6 พบของกลางและซิมโทรศัพท์มือถือจำนวนมาก เบื้องต้นจะถูกแจ้งข้อหา ให้ที่พักพิงบุคคลต่างด้าว โดยไม่แจ้งการเข้าอยู่ ให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองทราบใน 24 ชั่วโมง ก่อน จากนี้จะเร่งสอบสวนขยายผล เชื่อมีผู้ร่วมขบวนการอีกหลายคน.-สำนักข่าวไทย

