ศาลฎีกาฯ ออกหมายจับทักษิณ คดีทีพีไอ

ศาลฎีกา 22 มิ.ย.- ศาลฎีกาฯ ออกหมายจับ “ทักษิณ” คดีทีพีไอ  มีพฤติการณ์หลบหนี ร่นเวลาตามตัวจาก 3 เดือน เหลือ 1 เดือน  ไม่มาศาลพิจารณาคดีลับหลังทันที   ส่วนคดี “ไพจิตร”  ปกปิดทรัพย์สิน เลื่อนอ่านคำพิพากษาเป็น 24  ก.ย.


ที่ศาลฎีกาฯ องค์คณะศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาคดี อม.44/61 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ให้ความเห็นชอบกระทรวงการคลัง สมัยที่ ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ เป็น รมว.คลัง เข้าเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟู บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ ซึ่งเป็นบริษัทเอกชน ถือเป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่ของกระทรวงการคลัง เพราะกระทรวงการคลังไม่มีอำนาจเข้าไปบริหารบริษัทเอกชน อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2546 มาตรา 10 เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ระบบราชการ นัดแรก โดยในวันนี้ทนายความและจำเลยไม่มาศาล และไม่มีการแจ้งเหตุขัดข้องหรือขอเลื่อน 

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยมีพฤติการณ์หลบหนีจึงให้ออกหมายจับ และร่นระยะเวลาการติดตามตัวจากเดิมที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มาตรา 28 วรรคสอง กำหนดไว้ 3 เดือน ก่อนที่จะให้ดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีโดยไม่ต้องทำต่อหน้าจำเลยเป็น 1 เดือน ตามกฎหมายฉบับเดียวกันมาตรา 19 วรรค 1 ที่กำหนดว่าระยะเวลาที่กำหนดไว้ใน พ.ร.ป.นี้หรือในกฎหมายอื่นที่บทบัญญัติแห่ง พ.ร.ปนี้นำมาใช้บังคับหรือในข้อกำหนดของประธานศาลฎีกาหรือตามที่ศาลกำหนด  เมื่อศาลเห็นสมควรหรือเมื่อคู่ความมีคำขอ  ศาลอาจย่นหรือขยายเวลาได้ตามความจำเป็น และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม แต่ไม่ตัดสิทธิจำเลยในการแต่งตั้งทนายความเพื่อให้กระบวนการพิจารณาคดีแล้วเสร็จโดยเร็ว เนื่องจากจำเลยถูกออกหมายจับในหลายคดี โดยให้ ป.ป.ช.ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีนี้ติดตามตัวจำเลยมาศาลต่อไป


อย่างไรก็ตามการที่จำเลยไม่มาศาลถือเป็นการปฏิเสธตาม พ.ร.ป.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาตรา 33 วรรค 3 ที่บัญญัติว่า ในวันพิจารณาครั้งแรกเมื่อจำเลยมาอยู่ต่อหน้าศาลและศาลเชื่อว่าเป็นจำเลยจริง ให้อ่านและอธิบายฟ้องให้ฟัง และถามว่าได้กระทำผิดจริงหรือไม่ จะให้การต่อสู้อย่างไร  คำให้การของจำเลยให้บันทึกไว้ถ้าจำเลยไม่ให้การก็ให้บันทึกไว้ และถ้าจำเลยให้การปฏิเสธหรือไม่ให้การ ก็ให้ศาลกำหนดวันตรวจพยานหลักฐาน โดยให้โจทก์จำเลยทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 40 วัน ในกรณีที่จำเลยมิได้มาศาลในวันพิจารณาครั้งแรกไม่ว่าด้วยเหตุใดให้ถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธ

องค์คณะยังได้นัดตรวจพยานหลักฐานคดีนี้วันที่ 7 สิงหาคม 2561 เวลา 13.30 น. และไต่สวนในวันที่ 10 สิงหาคม 2561 เวลา 13.30 น. 10 สิงหาคม 2561 เวลา 9.30 น.และ 21 สิงหาคม 2561 เวลา 10.00 น. และให้คู่ความทั้งสองฝ่ายยื่นบัญชีระบุพยานกำหนดแนวทางไต่สวนก่อนวันนัดตรวจพยานหลักฐาน 14 วัน โดยให้ส่งหมายแจ้ง หากไม่มีผู้รับให้ปิดหมายต่อไป

ส่วนคดีที่ศาลฎีกาฯนัดอ่านคำพิพากษากรณีนางไพจิตร อักษรณรงค์ ปกปิดบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ศาลเลื่อนการอ่านคำพิพากษาไปเป็นวันที่ 24 กันยายน 2561 เวลา 9.30 น. .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ฆ่าควักหัวใจ

รวบชายชาวจีนฆ่าโหดคู่ขา กรีดหน้าอก ควักหัวใจ-ปอด

ตำรวจรวบชายชาวจีน ก่อเหตุสะเทือนขวัญฆ่าขู่ขาหมกห้องน้ำอพาร์ตเมนต์ กลางเมืองพัทยา พบร่องรอยถูกกรีดหน้าอก ควักหัวใจ ปอดหายไปข้างหนึ่ง

อุทาหรณ์! จอดรถยนต์ติดเครื่องไว้ เจอขโมยขับหนีหาย

อากาศร้อนเป็นเหตุ หนุ่มสตาร์ทเครื่องเปิดแอร์รถยนต์จอดไว้ ก่อนลงไปซื้อของ เดินออกมาอีกที เจอคนขโมยรถ ขับหนีหายไปแล้ว

ดับแล้ว 8 ราย รถชนบนมอเตอร์เวย์ อัดก๊อปปี้พังยับ

เกิดอุบัติเหตุใหญ่ช่วงกลางดึก บนมอเตอร์เวย์ สาย 7 มุ่งหน้าชลบุรี รถเทรลเลอร์ 2 คัน กับเอสยูวีอีก 1 คัน คนในรถเอสยูวี เสียชีวิต 8 ราย

ข่าวแนะนำ

พายุลูกเห็บถล่มโคราช

โคราชอ่วม พายุลูกเห็บพัดถล่มรุนแรง “พิมาย-ประทาย” กองน้ำแข็งขาวโพลน ต้นไม้โค่นล้มหลายจุด ชาวบ้านบอกไม่เคยเจอพายุลูกเห็บหนักขนาดนี้มาก่อน

ล่าโจรชิงทอง 30 เส้น กลางห้างฯ อุดรธานี

อุกอาจกลางห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี คนร้ายสวมเสื้อไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อก ควงปืนปลอมบุกเดี่ยวจี้ชิงทองคำภายในร้านทอง ได้ไปถึง 30 เส้น ตำรวจเร่งตามล่าตัว

หนุ่มจีนฆ่าโหดคู่ขา อ้าง “อยากเล่นและแกล้งศพ”

หนุ่มจีนยอมรับฆ่าสาว LGBTQ+ เพราะถูกปฏิเสธร่วมหลับนอน และถูกถีบตกเตียง จึงโมโหแล้วบีบคอจนสิ้นใจตายคามือ ก่อนอ้าง “อยากเล่นและแกล้งศพ” เลยใช้กรรไกรกรีดหน้าอก ตัดหัวใจ คว้านซิลิโคน ออกมาไว้ข้างนอก ส่วนปอดที่หายไป ยืนยันไม่ได้แตะต้อง

เกิดเหตุระเบิดที่ท่าเรือในอิหร่าน-เสียชีวิตแล้ว 18 ราย

สื่อของทางการอิหร่านรายงานว่า เกิดเหตุระเบิดรุนแรง ที่อาจจะมีสาเหตุมาจากการระเบิดของวัสดุเคมี ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 18 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 700 ราย โดยเหตุระเบิดเกิดขึ้นในวันเสาร์ ตามเวลาท้องถิ่น ที่ท่าเรือบันดาร์ อับบาส ท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของอิหร่าน