อภิสิทธิ์ จี้นายกฯ ประกาศให้ชัดไม่หนุนพวกดูดส.ส.

กรุงเทพฯ 20 มิ.ย.- หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุ ส.ส.ย้ายพรรคได้ แต่ต้องมีเหตุผลตอบสังคม แต่ถ้ามีการเสนอผลประโยชน์ตอบแทน ต่อรองเรื่องคดีความ เป็นการทำลายแนวคิดปฏิรูปการเมือง จี้นายกฯ แสดงความชัดเจนไม่สนับสนุน เรียกร้อง กกต. ป.ป.ช. หามาตรการป้องปราม


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวการเคลื่อนไหวของกลุ่ม 3 มิตร เดินสายดูดส.ส.เข้าพรรคพลังประชารัฐ ว่า การจะตั้งพรรคใหม่หรือเชิญชวนให้ใครย้ายพรรคเป็นเรื่องที่ทำได้ นักการเมืองที่จะย้ายสังกัดต้องมีเหตุผลที่จะตอบกับสังคม แต่สิ่งที่ตนและพรรคพูดมาตลอดคือ ขอให้เป็นเรื่องความคิดและจุดยืนทางการเมืองไม่ใช่การเสนอผลประโยชน์ตอบแทน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินทอง ตำแหน่ง หรือการต่อรองเรื่องคดีความเหมือนที่เคยเกิดในบางยุค 

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากยอมรับให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น การเมืองก็ไม่มีทางดีขึ้นได้ แต่จะหมกมุ่นอยู่กับการแสวงหาผลประโยชน์ ถ้าใช้สิ่งเหล่านี้ก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควรยอมรับ ใครที่มีอำนาจและคิดจะทำ ก็ขอว่าอย่าทำ เพราะถ้าทำก็จะเป็นการทำลายแนวความคิดเรื่องการปฏิรูปประเทศ และปฏิรูปการเมืองทั้งหมด ไม่มีสิทธิที่จะพูดคำว่าธรรมาภิบาลอีกต่อไป


หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีควรมีความชัดเจนในฐานะผู้ถืออำนาจรัฐว่าไม่สนับสนุนพฤติกรรมเหล่านี้ และต้องไม่ให้เกิดขึ้นไม่ว่าใครจะทำก็ตาม ยิ่งถ้าคนทำเกี่ยวข้องกับนายกรัฐมนตรี ก็ต้องยิ่งมีความชัดเจน เพราะคนที่ทำก็พูดในแวดวงการเมืองตลอดว่าเกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจ ดังนั้นหากมีรายงานว่ามีพฤติกรรมดังกล่าวก็ควรตรวจสอบและแสดงจุดยืนให้ชัดว่าไม่สนับสนุน ไม่เช่นนั้นก็ต้องเลิกพูดคำว่าธรรมาภิบาลและปฏิรูปประเทศได้แล้ว  และองค์กรที่ดูแลเรื่องความสุจริตคือ กกต.และป.ป.ช.ก็ต้องดูว่าจะป้องปรามอย่างไร

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ต้องพูดถึงว่าพล.อ.ประยุทธ์จะสง่างามจากการใช้วิธีการเหล่านี้หรือไม่ แต่ถ้ากระบวนการได้มาซึ่งอำนาจเริ่มต้นแบบนี้ เราไม่สามารถคาดหวังเรื่องการเมืองที่สุจริต และมีธรรมาภิบาลได้ ซึ่งผมไม่ได้กังวลใจเรื่องความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง เพราะการแข่งขันมีได้หลายรูปแบบ แต่ไม่อยากเห็นความไม่ถูกต้อง เพราะประเทศไทยเสียโอกาสกับปัญหาการเมืองที่ล้มเหลวมานาน ถ้าจะหลุดพ้นจากวงจรนี้ได้ต้องเริ่มต้นจากหลักการของการเลือกตั้งที่สุจริต เที่ยงธรรม เสรีและเป็นธรรม วิธีการที่เอาอำนาจรัฐ ผลประโยชน์มาใช้เรื่องเหล่านี้ก็สวนทางกันโดยสิ้นเชิง

ส่วนกระแสข่าวที่ว่ามีการทุ่มเงิน 30-50 ล้านซื้อตัว ส.ส.นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าหากเป็นความจริงก็จะทำให้ไม่ได้รัฐบาลและสภาที่ดี โดยในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์เองก็มีข่าวเกี่ยวกับการถูกดึงตัวด้วย แต่ไม่มีปัญหารุนแรงในเรื่องการเสนอเงิน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของตำแหน่ง อย่างไรก็ตามภาพรวมยังค่อนข้างนิ่ง และมีคนที่อยากเข้ามาเสริมในส่วนของพรรคมากพอสมควร.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง