สปสช. 17 มิ.ย. บอร์ด สปสช.ดูแลผู้ป่วยโรคลมชัก ลดความเสี่ยงแพ้ยา “สตีเวนส์ จอห์นสัน ซินโดรม” เห็นชอบสิทธิประโยชน์ “ตรวจยีน HLA” ก่อนเริ่ม “ยาคาร์บามาซีปีน”
หลังผลประเมินคุ้มค่า ช่วยลดภาวะแพ้ยาในผู้ป่วยลมชักถึงร้อยละ 88 รวมถึงความเสี่ยงพิการและเสียชีวิตในรายแพ้ยารุนแรง ทั้งประหยัดงบค่ารักษาและการสั่งจ่ายยารายการอื่นเพื่อเลี่ยงแพ้ยาปีละกว่า 250 ล้านบาท
นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ในการประชุมบอร์ด สปสช. ล่าสุด ได้เห็นชอบการเพิ่มสิทธิประโยชน์ การตรวจยีน HLA ในผู้ป่วยโรคลมชัก ก่อนเริ่มยาคาร์บามาซีปีน (Carbamazepine) เพื่อป้องกันผื่นแพ้ยาชนิดรุนแรง โดยเป็นความร่วมมือระหว่างสมาคมโรคลมชักแห่งประเทศไทย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ (HITAP)
ยาคาร์บามาซีปีนเป็นยาในกลุ่มยากันชักเพื่อใช้รักษาผู้ป่วยโรคลมชัก อยู่ในกลุ่มยาอันดับต้นๆ ที่มีรายงานการแพ้ยาไม่พึงประสงค์กลุ่มอาการสตีเวนส์จอห์นสัน ซินโดรม (Stevens-Johnson syndrome: SJS) ที่มีความรุนแรง โดยจะมีผื่นตามลำตัว เป็นผื่นแดงขยายกว้าง มีตุ่มน้ำหรือถุงพองกระจายทั่วลำตัว มีการหลุดลอกของผิวหนัง บางรายติดเชื้อแทรกซ้อนที่อวัยวะสำคัญ รายที่รุนแรงอาจก่อให้เกิดความสูญเสียถาวร เช่น ตาบอด พิการหรือเสียชีวิตได้ ผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาต่อเนื่องในโรงพยาบาล ค่ารักษาอยู่ที่ 20,000-100,000 บาท แต่ในรายที่รุนแรงค่าใช้จ่ายจะสูงถึง 330,000 บาทต่อราย
จากการวิจัยได้พบความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะทางพันธุกรรมของยีนชนิด Human leukocyte antigen (HLA) allele-B*1502 (HLA-B*1502) กับการเกิดผื่นแพ้ยากลุ่มสตีเวนส์ จอนห์สัน ซินโดรม จากยาคาร์บามาซีปีน พบค่อนข้างสูงในประชากรแถบภูมิภาคเอเชีย ในชาวไทย พบถึงร้อยละ 8-27 จึงแนะนำให้สุ่มตรวจพันธุกรรม HLA-B*1502 เพื่อคัดกรองโอกาสแพ้ยาคาร์บามาซีปีนก่อนรับยา เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะสตีเวนส์จอห์นสัน ซินโดรม ให้กับผู้ป่วยโรคลมชักที่รับยาคาร์บามาซีปีน
สปสช.ได้มอบให้โครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพประเมินความคุ้มค่าทางการแพทย์ (HITAP) ผลการศึกษาพบว่าการให้บริการตรวจคัดกรองยีน HLA-B*1502 ก่อนให้ยาคาร์บามาซีปีน มีประสิทธิผลทำให้จำนวนผู้ป่วยที่เกิดผื่นแพ้ยากลุ่มสตีเวนส์ จอห์นสัน ซินโดรม ลดลงได้ถึงร้อยละ 88 ลดโอกาสความพิการและเสียชีวิต และมีความคุ้มค่าเมื่อเปรียบเทียบกับการไม่คัดกรอง ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจากการรักษาผู้ป่วยแพ้ยาและการสั่งจ่ายยากันชักรายการอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะสตีเวนส์ จอห์นสัน ซินโดรม
สำหรับค่าใช้จ่ายในการตรวจยีน HLA ในผู้ป่วยโรคลมชักอยู่ที่ 1,000 บาท/ราย โดยปี 2561 คาดการณ์จำนวนผู้ป่วยโรคลมชักที่รักษาด้วยยาคาร์บามาซีปีน และต้องรับการตรวจยีน HLA เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะสตีเวนส์ จอห์นสัน ซินโดรม มีจำนวน 29,392 ราย รวมเป็นงบประมาณ 29.39 ล้านบาท ขณะที่ปี 2562 อยู่ที่จำนวน 29,534 ราย คิดเป็นงบประมาณ 29.53 ล้านบาท ทั้งนี้ยังได้ประเมินมูลค่าการประหยัดค่าใช้จ่าย ทั้งจากค่ารักษาและยากันชักชนิดอื่นที่แพทย์เลือกใช้เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะสตีเวนส์ จอห์นสัน ซินโดรม ปี 2561 มีมูลค่าประหยัดจำนวน 254.9 ล้านบาท และปี 2562 มูลค่าประหยัดอยู่ที่จำนวน 256.18 ล้านบาท
“ในการดำเนินระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตลอดระยะเวลา 16 ปี และความร่วมมือของหน่วยงานและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมพัฒนาสิทธิประโยชน์การรักษาพยาบาลและบริการสาธารณสุขมาอย่างต่อเนื่อง อย่างการเพิ่มสิทธิประโยชน์การตรวจยีน HLA ในผู้ป่วยโรคลมชักก่อนเริ่มยาคาร์บามาซีปีนนี้ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการที่จำเป็น มีคุณภาพและมาตรฐานยิ่งขึ้น” เลขาธิการ สปสช.กล่าว.-สำนักข่าวไทย