รัฐสภา 14 มิ.ย.-ที่ประชุมสนช.มีมติเอกฉันท์รับหลักการวาระ 1 ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด รวมกฎหมายยาเสพติดหลายฉบับไว้ในฉบับเดียว
การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) วันนี้ (14 มิ.ย.) มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.เป็นประธานการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด และร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบเขที่)พ.ศ. รวม 3 ฉบับ โดยำล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ปัจจุบันมีกฎหมายกี่ยวกับการป้องกัน ปราบปราม และควบคุมยาเสพติด รวมถึงการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดกระจายอยู่ในกฏหมายหลายฉบับ และการดำเนินการตามกฎหมายแต่ละฉบับเป็นหน้าที่และอำนาจของหลายองค์กร ทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่มีความสอดคล้องกัน อีกทั้งบทบัญญัติของกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดบางประการไม่เหมาะสม ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์การปัจจุบันด้วย
“กฎหมายดังกล่าวจัดทำเป็นประมวลกฎหมายยาเสพติดเพื่อประโยชน์ในการอ้างอิงและใช้กฎหมายที่จะรวมอยู่ในฉบับเดียวกันอย่างเป็นระบบ กำหนดให้มีระบบอนุญาตเพื่อให้การควบคุมและการใช้ยาเสพติดในทางการแพทย์ ทางวิทยาศาสตร์และทางอุตสาหกรรมมีประสิทธิภาพ มุ่งเน้นการป้องกันการแพร่กระจายยาเสพติดและการใช้ยาเสพติดในทางที่ไม่ถูกต้อง กำหนดให้มีระบบคณะกรรมการที่ประกอบด้วยบุคลากรที่มีความหลากหลายจากทั้งภาครัฐและเอกชนให้เข้ามามีส่วนร่วมพิจารณากำหนดนโยบายต่าง ๆ เพื่อให้การป้องกัน ปราบปรามและความคุมยาเสพติด รวมถึงการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสภาพเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยยกเลิกกฎหมายยาเสพติด 21 ฉบับเพื่อรองรับการบังคับใช้กฎหมายเหล่านี้” พล.อ.อ.ประจิน กล่าว
สำหรับเนื้อหาสาระของร่างกฎหมาย พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า กำหนดให้ข้าราชการของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) ที่ได้รับการแต่งตั้งมีสิทธิได้รับเงินเพิ่ม ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งมีหลักการสำคัญคือ กำหนดให้จัดทำนโยบายระดับชาติว่าด้วยการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด ปรับปรุงส่วนประกอบหน้าที่ของคณะกรรมการป.ป.ส. กำหนดให้มีคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดเพื่อรับผิดชอบกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการอนุญาตและการควบคุมยาเสพติดให้โทษ วัตถุออกฤทธิ์และสารระเหย กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการกำหนดชื่อและประเภทของยาเสพติดให้โทษ กำหนดให้นำมาตรการการปกครองมาใช้ในการลงโทษทางอาญา ผู้รับอนุญาตที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ร่างกฎหมายนี้กำหนดให้คณะกรรมการป.ป.ส.มีอำนาจประกาศกำหนดพื้นที่ให้สามารถผลิต เสพหรือครอบครองยาเสพติดบางชนิดเพื่อศึกษาวิจัย หรือลดอันตรายจากยาเสพติดได้ ให้คณะกรรมการป.ป.ส.มีอำนาจออกประกาศ กำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในสถานประกอบการ และกำหนดประเภทสถานประกอบการที่อยู่ภายใต้มาตรการดังกล่าว ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมีอำนาจประกาศกำหนดยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ที่สามารถเสพเพื่อการรักษาโรค เพื่อการศึกษาวิจัยได้
“ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการป.ป.ส.มีอำนาจประกาศให้ท้องที่ใดเสพใบกระท่อมได้ตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดโดยไม่เป็นความผิด ปรับปรุงองค์ประกอบ หน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน ในกรณีผู้ต้องหาหรือจำเลยหลบหนี หรือถึงแก่ความตาย ปรับปรุงการจัดตั้งกองทุนป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด เพื่อให้ประโยชน์ในการป้องกันปราบปราม ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด กำหนดบทสันนิฐานการมีไว้ครอบครองเพื่อเสพในปริมาณเล็กน้อย ให้สามารถสมัครใจเข้ารับการบำบัดรักษา โดยไม่ดำเนินคดี” พล.อ.อ.ประจิน กล่าว
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า กำหนดให้มีคณะกรรมการบำบัดรักษา ฟื้นฟูยาเสพติด มีหน้าที่และอำนาจในการกำหนดเป้าหมายและนโยบายเกี่ยวกับการบำบัดรักษา และฟื้นฟูสภาพทางสังคมแก่ผู้เสพยาเสพติด รวมถึงมีอำนาจในการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในส่วนที่เกี่ยวข้อง กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขกรณีผู้เสพสมัครใจเข้ารับการบำบัดรักษา กำหนดหน้าที่และอำนาจของเจ้าพนักงานป.ป.ส. และพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจในการดูแลผู้เสพ กำหนดให้มีศูนย์คัดกรองเพื่อทำหน้าที่คัดกรองประเมินความรุนแรงของยาเสพติด การส่งต่อผู้เข้ารับการบำบัดรักษา ไปยังสถานบำบัดรักษาที่เหมาะสม รวมทั้งปรับปรุงบทกำหนดโทษคดียาเสพติดให้มีความเหมาะสมในสัดส่วนของความร้ายแรงของการกระทำผิด และสอดคล้องต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้โทษทางอาญาเฉพาะกรณีที่มีความผิดร้ายแรง ปรับปรุงการบังคับโทษปรับ ที่ผู้ต้องโทษปรับไม่ชำระค่าปรับ ให้เป็นไปตามคดีที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายอาญา
นายสมชาย แสวงการ สนช. กล่าวว่า รัฐบาลเดินมาในทิศทางที่ถูกต้อง แต่อยากให้แยกเรื่องกัญชาออกมาดำเนินการก่อน เพราะได้ศึกษาในระดับหนึ่งแล้ว
ขณะที่พล.ต.ท.สานิตย์ มหถาวร สนช. กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ที่กระทำผิดยาเสพติดไม่ได้เกรงกลัวการติดคุก เพราะแม้ติดคุกยังมีเงินให้ครอบครัวได้อยู่ดีมีสุข จึงอยากให้มีมาตรการยึดทรัพย์ที่รวดเร็ว โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือเพื่อความรวดเร็วในการดำเนินคดี
จากนั้น ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์รับหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. ….. และร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดไว้พิจารณาด้วยคะแนนเสียง 194 ต่อ0 งดออกเสียง 3 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง และตั้งกรรมาธิการวิสามัญ 28 คนพิจารณาแปรญัตติภายใน 15 วัน กำหนดระยะเวลาการดำเนินงาน 90 วัน และรับหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด(ฉบับที่..) พ.ศ. …ไว้พิจารณาด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ 190 ต่อ 0 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง โดยมอบหมายให้ใช้กรรมาธิการชุดเดียวกันแปรญัตติภายใน 15 วัน มีระยะเวลาการดำเนินงาน 90 วันเช่นกัน
นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า ร่างกฎหมายนี้มีสาระที่เปลี่ยนไปคือให้อำนาจผู้พิพากษาตัดสินคดีกรณีผู้เสพหรือผู้ครอบครองว่าเป็นความผิดขั้นร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรงแทนการนับเม็ดยาเหมือนในอดีต ที่หากมีปริมาณครอบครองเกินกำหนดจะกลายเป็นผู้ค้าทันที โดยที่อาจจะเป็นเพียงผู้เสพ เชื่อว่าจะทำให้ผู้ที่ถูกตัดสินจำคุกมีปริมาณลดลง อีกทั้งยังไม่กำหนดให้กัญชาและกระท่อมเป็นยาเสพติดประเภท 5 ไว้ในพ.ร.บ.โดยจะให้ออกเป็นกฎกระทรวงแทนเพื่อสะดวกในการปรับแก้ กรณีที่นำกระท่อมและกัญชามาใช้ทางการแพทย์ ซึ่งมีผลวิจัยของต่างประเทศ อาทิ แคนาดา ที่ปลูกกัญชาส่งออกใช้ทางการแพทย์ แต่ต้องอยู่ภายใต้คำสั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารสุข โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการป.ป.ส.- สำนักข่าวไทย
