ก.ล.ต. กล่าวโทษชาวจีน 7 ราย ต่อ ปอศ. ประกอบธุรกิจหลักทรพย์ไม่ได้รับอนุญาต

กรุงเทพ ฯ 11 มิ.ย. – ก.ล.ต.กล่าวโทษบุคคลสัญชาติจีน รวม 7 ราย  ต่อ ปอศ. ทำธุรกิจหลักทรัพย์โดยไม่ได้รับอนุญาต โทษทั้งจำทั้งปรับ


นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ก.ล.ต.กล่าวโทษบุคคลสัญชาติจีน รวม 7 ราย ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) กรณีประกอบธุรกิจหลักทรัพย์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2561 ก.ล.ต.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบโรงแรมแห่งหนึ่งในอำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี พบบุคคลสัญชาติจีนจำนวนมาก พร้อมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ซึ่งแสดงหน้าจอการซื้อขายหลักทรัพย์ในต่างประเทศ ก.ล.ต.จึงตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มพบว่า บุคคลสัญชาติจีนรวม 7 ราย ได้แก่ 1.นายเค่อ ซิ เหว่ย2. นายโจ โจ 3. นายเฉิง เจีย 4. นายหลู หยาง หยิน 5. นายอู่ จิน เฉิง 6. นายเฉิน เซียวเซียง และ 7. นายซิน เย่ ได้ใช้สถานที่ดังกล่าวเป็นฐานในการติดต่อชักชวนผู้ลงทุนในต่างประเทศให้ซื้อขายหุ้นต่างประเทศ โดยพบข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ ข้อความเชิญชวน และข้อมูลการติดต่อกับผู้ลงทุน ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการเป็นที่ปรึกษาการลงทุนในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ ยังพบข้อสงสัยว่าบุคคลข้างต้นอาจมีพฤติกรรมซื้อขายหุ้นแทนลูกค้าด้วย ซึ่งเข้าข่ายการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต  


การกระทำของบุคคลข้างต้นจึงถือเป็นความผิดตามมาตรา 90 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งมีระวางโทษตามมาตรา 289 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน คือ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000-500,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน ก.ล.ต.จึงกล่าวโทษบุคคลดังกล่าว และชี้เบาะแสต่อ ปอศ. ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการลงทุนกับบุคคลดังกล่าว โปรดแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมไปยัง ปอศ. ที่หมายเลขโทรศัพท์  0-2237-1199  เพื่อให้สอบสวนและดำเนินคดีต่อไป  

นายรพี กล่าวว่า ก.ล.ต.จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากพบมีผู้ใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการชักชวนให้คนลงทุนในหลักทรัพย์ ซึ่งเข้าข่ายการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์โดยไม่มีใบอนุญาต และอาจเป็นการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์ในต่างประเทศอีกด้วย หากมีผู้พบเห็นหรือมีเบาะแสในการกระทำผิดลักษณะดังกล่าว โปรดแจ้ง  Help Center ของ ก.ล.ต. โทร.1207 เพื่อการดำเนินการตรวจสอบต่อไป.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้กำกับโจ้เสียชีวิต

ราชทัณฑ์ แจงชัดเหตุ “ผู้กำกับโจ้” เสียชีวิตในเรือนจำ

ราชทัณฑ์ ออกเอกสารชี้แจงกรณี “ผู้กำกับโจ้” เสียชีวิตในเรือนจำกลางคลองเปรม ด้าน จนท.พิสูจน์หลักฐาน เตรียมเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ธ.ก.ส. ออก “สินเชื่อเกษตรวิวัฒน์” หนุนคนใกล้เกษียณทำเกษตร

กรุงเทพฯ 6 มี.ค.- ธ.ก.ส. เปิดตัว “สินเชื่อเกษตรวิวัฒน์” ให้กู้เพื่อซื้อที่ดินทำการเกษตรคู่ขนาน รองรับการเข้าสู่ Aging Society สูงสุด 8 ล้านบาท ธ.ก.ส. จัดสินเชื่อเกษตรวิวัฒน์ ส่งเสริมการดึงคนกลับเข้าสู่ภาคการเกษตร กรอบวงเงินรวม 3.75 หมื่นล้านบาท สานฝันบุคลากรภาครัฐและเอกชนที่มีรายได้ประจำอายุ 50 – 59 ปี สร้างรายได้คู่ขนานจากการทำการเกษตร และกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาพัฒนาสินค้าเกษตรไปสู่เกษตร มูลค่าสูง วงเงินกู้สูงสุดรายละไม่เกิน 8 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยต่ำ 5 ปีแรก MRR – 2 และปีที่ 6 เป็นต้นไป เท่ากับ MRR แจ้งความประสงค์ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้มีรายได้ประจำเป็นรายเดือน สามารถวางแผนการสร้างรายได้คู่ขนานจากการประกอบอาชีพเกษตรกรรม หรืออาชีพที่เกี่ยวกับการเกษตรในวัยก่อนและหลังเกษียณ รองรับการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) เพิ่มการเกษตรที่มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม […]

ข่าวแนะนำ

ผู้กำกับโจ้

ทนายโต้ราชทัณฑ์ อดีต “ผกก.โจ้” ไม่สมัครใจขอขังเดี่ยว

ทนายโต้ราชทัณฑ์ ยืนยัน อดีต “ผกก.โจ้” ไม่สมัครใจขอขังเดี่ยว-ไม่ป่วยจิตเวช อ้างถูกบีบให้ยอมเรื่องการสอบวินัย

พบสารเสพติดจากนมแม่

เร่งช่วยทารก 3 เดือน พบสารเสพติดจากการกินนมแม่

เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน เร่งช่วยเหลือทารกวัย 3 เดือน ถูกตรวจพบสารเสพติดในร่างกายจากกินนมแม่ ล่าสุดสั่งให้หยุดกินนมแม่ จนกว่าจะบำบัดการติดยาเสพติดให้หาย ส่วนพ่อถูกส่งไปบำบัดและเตรียมหาอาชีพให้มีรายได้เลี้ยงภรรยาและลูก

ผู้กำกับโจ้เสียชีวิต

ราชทัณฑ์ แจงชัดเหตุ “ผู้กำกับโจ้” เสียชีวิตในเรือนจำ

ราชทัณฑ์ ออกเอกสารชี้แจงกรณี “ผู้กำกับโจ้” เสียชีวิตในเรือนจำกลางคลองเปรม ด้าน จนท.พิสูจน์หลักฐาน เตรียมเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ