ศธ.กำชับพื้นที่ เข้มตรวจโครงการอาหารกลางวันเด็ก

ศธ.8 มิ.ย.-ปลัด ศธ.-เลขา กพฐ.ประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมศึกษาธิการจังหวัด-ผอ.เขตพื้นที่ กำชับลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการอาหารกลางวัน หากทุจริต ดำเนินการเฉียบขาดผอ.โรงเรียนทันที


นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พร้อมด้วยนายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.)เป็นประธานประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์(conference) ชี้แจงและทำความเข้าใจเรื่องการปฏิบัติงานตามนโยบายรัฐบาล นโยบายกระทรวงศึกษาธิการและนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ร่วมกับ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา, ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ,ศึกษาธิการภาค, ศึกษาธิการจังหวัด และผู้อำนวยการสถานศึกษาทั่วประเทศ โดยมีเรื่อง              ชี้เเจง ดังนี้ การปฏิบัติหน้าที่เเละความรับผิดชอบตามนโยบายเเละมาตรการของรัฐบาล ,การดำเนินการป้องกันเเละปราบปรามการทุจริต, การตรวจติดตามการดำเนินการอาหารกลางวันของนักเรียน ,การบูรณาการในการดำเนินการป้องกันเเละเเก้ไขปัญหาการเล่นพนันฟุตบอลโลก , การกวดขันเรื่องการลงโทษนักเรียนผิดระเบียบเเละการกระทำผิดทางวินัย


นายบุญรักษ์ กล่าวว่า การปฏิบัติหน้าที่ของศึกษาธิการจังหวัดเเละผอ.เขตพื้นที่การศึกษา นอกจากการทำหน้าที่ส่งเสริมเเละสนับสนุนการจัดการ ศึกษาเเล้ว ยังต้องกำกับติดตามเเละเอาใจใส่การดำเนินงานตามระเบียบราชการหรือการปฏิบัติตามโครงการต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ไม่ใช่เพียงเเค่รับรองเอกสารเเต่ภาระงานหลักต้องอยู่ที่โรงเรียน ขณะเดียวกัน ผอ.โรงเรียนก็ต้องรู้หน้าที่ตัวเองเเละปฏิบัติตามนโยบายเเละระเบียบราชการอย่างเคร่งครัดและเสนอให้ศึกษาธิการจังหวัดทำงานบูรณาการกับเขตพื้นที่การศึกษา ตั้งคณะอนุกรรมการติดตาม1ชุด เพื่อควบคุมเเละติดตามการทำงานให้มีประสิทธิภาพ โดยดึงบุคคลภายนอกเข้าร่วมเป็นกรรมการ เพื่อให้ทราบปัญหา นำสู่การเเก้ไขรอบด้าน


ต่อมาเรื่องการดำเนินการปราบปรามการทุจริต มีมติคณะรัฐมนตรีว่า ถ้ามีการร้องเรียนเรื่องทุจริตเเละประพฤติมิชอบ ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 7 วันเเละเข้าเเก้ปัญหา ดำเนินการทางวินัย อาญาเเละทางละเมิดโดยเร็ว  กรณีทำความเสียหายเเก่ราชการเเละสร้างความเดือดร้อนของประชาชน เเม้การสืบสวนข้อเท็จจริงยังไม่เเล้วเสร็จ ให้ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งอื่นเป็นการชั่วคราว ,หากสืบสวนได้ชัดเจนเเล้ว เป็นโทษวินัยที่ร้ายเเรง ให้เสนอลงโทษโดยเร็วเเละต้องรายงานผลตามลำดับ โดยผอ.เขตพื้นที่การศึกษาเเละศึกษาธิการจังหวัดเป็นผู้ใช้อำนาจ เเต่ต้องรายงานมายังส่วนกลางด้วย แบ่งเป็น ผอ.เขตพื้นที่ต้องรายงานมายัง สพฐ.และศึกษาธิการจังหวัด  หากดำเนินการเสร็จสิ้นกระบวนการเเล้ว ต้องรายงานมายังปลัดกระทรวงศึกษาฯด้วย ที่ผ่านมาระบบการรายงานของเขตพื้นที่ยังต้องปรับปรุง เพราะไม่ค่อยรายงานให้ทราบเเละรายงานล่าช้า

สำหรับเรื่องติดตามการดำเนินการโครงการอาหารกลางวัน ซึ่งปลัดศธ.ก็ได้สั่งการในส่วนของศึกษาธิการจังหวัดให้บูรณาการกับ ผอ.เขตพื้นที่ลงติดตามปัญหา ขณะเดียวกันในส่วนของสพฐ.วันนี้ได้ส่งหนังสือสั่งการและเเบบประเมินติดตามการตรวจสอบอย่างเป็นทางการกำชับให้ผอ.เขตพื้นที่มอบให้ศึกษานิเทศก์ไปตรวจติดตามโครงการอาหารกลางวันว่ามีการบริหารและระบบการจัดการอาหารกลางวันเป็นอย่างไร มีปริมาณที่เหมาะสมเเละมีคุณภาพหรือไม่   ถ้าทุจริตต้องดำเนินการทันที แต่หากไม่ทุจริตเเค่บริหารงานไม่เป็นระบบก็ต้องมีการแก้ไขทันที จัดระบบให้เหมาะสม     โดยให้ลงพื้นที่ตรวจสอบเป็นประจำในโรงเรียนที่มีการร้องเรียนเป็นจำนวนมาก ซึ่งก่อนหน้านี้ได้สั่งการเบื้องต้นว่าให้เริ่มลงพื้นที่ไปตรวจสอบตั้งเเต่วานนี้(7มิ.ย.) โดยกำลังเร่งตรวจสอบว่าเขตใดปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติบ้าง เเละหากพบว่า ไม่ไปตรวจสอบปล่อยให้เกิดความเสียหาย ผอ.เขตพื้นที่ต้องรับผิดชอบ  ขณะเดียวกันหากพบการทุจริตให้ดำเนินการทางวินัยอย่างเฉียบขาดผู้อำนวยการโรงเรียนและผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเร็วที่สุด ตามมาตรการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในระบบราชการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อีกทั้งยังสั่งการทุกโรงเรียนให้ศึกษาโปรแกรม Thai school lunch วางเเผนร่วมกันจัดระบบอาหารให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วม

ส่วนเรื่องบูรณาการดำเนินการป้องกันเเละเเก้ไขปัญหาการเล่นพนันฟุตบอลโลก สพฐ.ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดูเเลเเละกวดขันเด็กตั้งเเต่ก่อนเริ่มเเข่งขันฟุตบอล ระหว่างเเข่งเเละหลังการเเข่งขัน ซึ่งเขตพื้นที่ประถมศึกษาก็ไม่ควรละเลยปัญหานี้ ส่วนเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาต้องทำงานอย่างหนัก โดยเด็กวัยนี้อยากเรียน อยากลอง อยากรู้ อยากโชว์ จึงต้องช่วยกันดูเเลในฐานะพ่อเเม่คนที่สองของเด็ก โดยเฉพาะโรงเรียนขนาดใหญ่ ที่ต้องดูเเลอย่างทั่วถึงให้ครูประจำวิชาเเละครูประจำชั้นดูเเลเด็กใกล้ชิด

และเรื่องการกวดขันการลงโทษนักเรียนผิดระเบียบให้ ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาเเละผอ.โรงเรียน กวดขันครูเรื่องการลงโทษนักเรียนผิดระเบียบ โดยประชุมครูเพื่อทำความเข้าใจถึงขอบเขตการลงโทษเด็ก ตามระเบียบที่ราชการกำหนดเท่านั้น โดยต้องไม่เกินเหตุเเละไม่ใช้ความรุนแรง ไม่เอาอารมณ์มาลงโทษเด็ก ต้องควบคุมให้ได้เพราะถือเป็นเเม่พิมพ์ของชาติเพราะหากลงโทษเกินไปไม่ถูกต้องจะสร้างบาดเเผลในใจเด็กตลอดไป ส่วนเรื่องอื่นๆกรณีหากพบเด็กเเละบุคลากรทางการศึกษาที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการค้ามนุษย์ ต้องดูเเลเด็กอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันปัญหาสังคมที่จะเกิดขึ้นตามมาด้วย .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณ จ.จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง […]

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]