โรงแรมเซ็นทาราศูนย์ราชการฯ 8 มิ.ย.-วิษณุระบุยุทธศาสตร์ชาติจะเป็นเป้าหมายให้รัฐบาลต่อจากนี้ต้องปฏิบัติ เตือนถ้าเบี้ยวมีสิทธิหลุดจากตำแหน่งทั้งขรก.และรมต.
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ ก้าวต่อไปไทยแลนด์ ระหว่างการประชุมวิชาการ 6 สถาบัน ครั้งที่ 9 ประจำปี 2561 โดยกล่าวในตอนหนึ่งว่า งบประมาณรายจ่าย 3 ล้านล้านบาทที่เข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) วานนี้(7 มิ.ย.) เป็นการเสนองบประมาณครั้งสุดท้ายของรัฐบาลนี้ หากเปรียบเทียบการออกกฎหมายของรัฐบาลแต่ละชุดพบว่าระหว่างปี 2550-2557 มีรัฐบาลและสภาหลายชุดจนถึงรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) มีกฎหมาย 120 ฉบับ ทำให้หลายเรื่องแก้ปัญหาไม่ได้เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ แต่ 4 ปีของคสช.ออกกฎหมายทั้งหมด 300 ฉบับ
“ผมอยู่กับรัฐบาลมาหลายชุด แต่เมื่อนึกย้อนหลังไปพบว่าการก้าวเดินของรัฐบาลแต่ละชุดแตกต่างกัน โดยในอดีตจะมีลักษณะร่วมกันคือการก้าวเดินอย่างไม่มั่นใจ เพราะมีขวากหนามอุปสรรคมาก ติดขัดที่กฎหมายและความเข้าใจของประชาชนที่จะคัดค้านหรือสนับสนุน ถ้าคัดค้านก็จะทำให้รัฐบาลไม่กล้าขับเคลื่อนต่อ ทำให้ก้าวเดินอย่างสะเปะสะปะ ไม่ตรงเป้า ซึ่งบางทีเป็นเพราะไม่รู้ว่าเป้าอยู่ที่ไหน หรืออาจจะเพราะมีปัจจัยแทรกทำให้เดินเป๋ไปเป๋มาจนไม่ตรงตามเป้า ดังนั้น การวางเป้าหมายประเทศจึงเป็นเรื่องสำคัญ” นายวิษณุ กล่าว
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 65 กำหนดให้มียุธศาสตร์ชาติเป็นเป้าหมายพัฒนาประเทศทุกทาง โดยขณะนี้มีกฎหมายออกมารองรับแล้ว ดังนั้นรัฐบาลต่อจากนี้ต้องเดินให้ตรงเป้าที่วางไว้ตามที่ยุทธศาสตร์ชาติกำหนดทั้ง 6 ด้านที่ยกร่างไว้ ซึ่งขณะนี้ผ่านมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) แล้วและจะนำเข้าสู่การพิจารณาของสนช.ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีครั้งแรกที่จะผูกมัดรัฐบาลต่อไปด้วย หากไม่ฏิบัติตามอันตราย เพราะกฎหมายกำหนดขั้นตอนว่ากรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ 6 คณะที่มีวาระ 5 ปีจะเป็นเหมือนตำรวจยุทธศาสตร์ ตรวจสอบว่ามีหน่วยงานใดไม่ปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ชาติบ้าง หากฝ่าฝืน ให้กรรมการด้านนั้น ๆ เตือน หากชี้แจงฟังไม่ขึ้นจะรายงานเข้าบอร์ดใหญ่ ทำหนังสือให้แก้ไข แต่ถ้าไม่แก้ก็ต้องฟ้องไปที่สภา และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติอ(ป.ป.ช.)
“ป.ป.ช.จะถือว่าเป็นการจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และให้ป.ป.ช.มีอำนาจให้หัวหน้าหน่วยราชการนั้นหยุดพักการปฏิบัติหน้าที่ หรือหากทำผิดจะนำไปสู่การออกจากราชการได้ทั้งข้าราชการและรัฐมนตรีขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นหัวหน้าหน่วยราชการนั้น ทำให้ยุทธศาสตร์ชาติดูขึงขังจริงจัง เป็นกรอบกำหนดให้ประเทศเดินไป อย่างไรก็ตาม สามารถแก้ไขได้ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด” นายวิษณุ กล่าว
นายวิษณุ กล่าวว่า ที่ผ่านมาก้าวต่อไปของประเทศไทยจะขึ้นอยู่กับบนโยบายของแต่ละพรรคที่รวมเป็นรัฐบาลผสมเป็นตัวกำหนดเป้าหมายประเทศ ซึ่งอาจต้องประนีประนอมจนเสียนโยบายหลักที่เคยหาเสียงไว้กลายเป็นจุดอ่อนของประเทศ อีกทั้งนโยบายอยู่ได้เพียง 4 ปีตามวาระของรัฐบาล แต่ต่อจากนี้ต้องปฏิบัติตามแผนแม่บทและยุทธศาสตร์ชาติ โดยผูกมัดตั้งแต่การกำหนดนนโยบายที่จะขัดกับยุทธศาสตร์ชาติไม่ได้ รวมถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติก็ต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้วย และการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินต้องเป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หวังว่าร่างยุทธศาสตร์จะสามารถบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่จะเริ่มปีงบประมาณใหม่.- สำนักข่าวไทย
