ทำเนียบฯ 5 มิ.ย.- นายกฯ ชี้ ให้แยกแยะกรณีทุจริตเงินทอนวัด เป็นความผิดส่วนบุคคล ไม่ใช่หลักคำสอน อย่าบิดเบือนกล่าวหารัฐบาลทำลายพุทธศาสนา พร้อมขออย่าโยงเป็นประเด็นการเมือง จะเป็นอุปสรรคต่อการนำผู้หลบหนีคดีกลับมาดำเนินคดี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ (5 มิ.ย.) ถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีการทุจริตเงินทอนวัด และการประสานขอตัวอดีตพระพรหมเมธี อดีตที่ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ จากประเทศเยอรมนี ว่า สิ่งที่รัฐบาลจะดำเนินการ ไม่ให้คนไทยเสื่อมศรัทธาต่อศาสนา เป็นเรื่องความผิดส่วนบุคคล ขอให้แยกแยะออกจากหลักคำสอนของพุทธศาสนา เพราะคำสอนบิดเบือนไม่ได้ มีความเป็นจริงมากว่า 2,500 ปี
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีเงินทอนวัด ผิดถูกอยู่ที่พุทธศาสนิกชนและพระสงฆ์ ที่มีกฎหมายกำกับดูแลอยู่ กระทรวงยุติธรรมจะเป็นผู้ดูแล ขออย่าบิดเบือน กล่าวหาว่ารัฐบาลรังแก หรือทำลายพุทธศาสนา เพราะไม่เป็นความจริง และขออย่าโยงประเด็นเงินทอนวัดเป็นเรื่องทางการเมือง เพราะจะส่งผลต่อผู้หลบหนีอยู่ต่างประเทศ ในการหาข้ออ้างขอลี้ภัย และจะเป็นปัญหาในการตามตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย
“จะมาหาว่ารัฐบาลทำลายพุทธศาสนา ไม่ใช่เลย เราต้องการทำให้เรื่องนี้ถูกต้อง ชัดเจน เป็นไปตามกระทบวนการยุติธรรม มีหลักฐานพิสูจน์ได้ เรื่องนี้มีความร่วมมือระหว่างสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พ.ศ.) มหาเถรสมาคม และตำรวจ ทุกเรื่องเป็นไปตามขั้นตอน การตรวจสอบเกิดจากข้อร้องเรียน ส่วนกรณีที่ตนกล่าวขอโทษอดีตพระพุทธะอิสระ ก็ไม่ได้ขอโทษ เพราะเขาเป็นใคร แต่ขอโทษเพราะเขาแต่งสงฆ์ อย่ามาหาว่ารังแกพระ” นายกรัฐมนตรี กล่าว .- สำนักข่าวไทย