ธุรกิจประกันภัยไตรมาสแรกโตร้อยละ 5.9

กรุงเทพฯ  3 มิ.ย. – คปภ.เผยธุรกิจประกันภัยไตรมาสแรกปี 61 โตร้อยละ 5.9 คาดทั้งปีโตร้อยละ 7.4 เศรษฐกิจโลกฟื้น-ส่งออกโตหนุน 


นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยตัวเลขธุรกิจประกันภัยไตรมาสแรกปี 2561 (ม.ค.-มี.ค.) ว่า ธุรกิจประกันภัยมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง รวมทั้งสิ้น 216,055 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.90 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้สัดส่วนเบี้ยประกันภัยต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศในไตรมาสแรกอยู่ที่ร้อยละ 5.32 แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงจากธุรกิจประกันชีวิต  159,024 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 6.79 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับเบี้ยประกันชีวิตรับสูงสุด ได้แก่ การประกันชีวิตประเภทสามัญ  108,947 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.68 รองลงมาเป็นประเภทกลุ่ม 11,803 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.96 ตามด้วยประเภท ยูนิตลิงค์ 9,133 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 264.19 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ ยังมีเบี้ยประกันภัยรับจากสัญญาเพิ่มเติมจากการประกันภัยสุขภาพ 19,101 ล้านบาท เติบโตในอัตราเร่งที่ร้อยละ 11.77 สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใส่ใจเกี่ยวกับสุขภาพมากขึ้น  


ขณะที่เบี้ยประกันภัยรับโดยตรงของธุรกิจประกันวินาศภัย  57,031 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 3.50 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีเบี้ยประกันภัยรับสูงสุด ได้แก่ การประกันภัยรถ  33,949 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 6.52 ซึ่งแบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยจากการประกันภัยรถภาคบังคับ  4,688  ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 3.39 และจากการประกันภัยรถภาคสมัครใจ 29,261 ล้านบาท ขยายตัวที่ร้อยละ 7.04 รองลงมา การประกันภัยเบ็ดเตล็ด 19,146 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 1.62 ตามด้วยการประกันอัคคีภัย 2,490 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 8.02 และการประกันภัยทางทะเลและขนส่ง 1,446 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 1.14

ทั้งนี้ จากปัจจัยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก การส่งออกสินค้าขยายตัวในเกณฑ์สูง การผลิต ในภาคอุตสาหกรรมขยายตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงการฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชน และการปรับตัวดีขึ้นของการกระจายฐานรายได้ประชากร ประกอบกับ  คปภ.มีมาตรการส่งเสริมการพัฒนาตลาดด้านผลิตภัณฑ์ประกันภัย เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้เอาประกันภัยให้ได้รับความคุ้มครองที่ตรงกับความต้องการด้วยเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสม ประชาชนสามารถเข้าถึงและเห็นคุณค่าของการทำประกันภัยที่เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงให้กับชีวิตและทรัพย์สิน จึงคาดการณ์ว่าสิ้นปี 2561 เบี้ยประกันภัยรวมทั้งปีประมาณ 871,041 ล้านบาท เติบโตอยู่ที่ร้อยละ 6.4-7.4 ประมาณการเบี้ยประกันชีวิต  640,079 ล้านบาท เติบโต   ร้อยละ 6.6-7.6 และประมาณการเบี้ยประกันวินาศภัย 230,963 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 5.7-6.7 .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยกระดับห้าม จยย.-รถเข็น จากกัมพูชาเข้าไทย

สระแก้ว 23 มิ.ย.-ตอบโต้ทันควัน! ไทยสั่งห้ามรถเข็น-จยย.เขมร เข้ามาเด็ดขาด บรรยากาศด่านคลองลึกตึงเครียด เจรจาระดับเจ้าหน้าที่ หลังกัมพูชางดนำเข้าน้ำมันไทย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนการเปิดด่านฝั่งกัมพูชา ในเวลา 09.00 น. ว่า มีตึงเครียดผิดปกติ โดยปกติจะมีแรงงานกัมพูชาจำนวนมากขี่รถจักรยานยนต์ รถพ่วงข้าง และรถชาลี มารอข้ามแดนเข้ามาทำงานในตลาดโรงเกลือ แต่เช้าวันนี้ภาพดังกล่าวหายไปอย่างสิ้นเชิง หลังทางฝั่งไทย “ยกระดับตอบโต้” ต่อมาตรการของกัมพูชาที่ประกาศงดรับน้ำมันและก๊าซจากไทย กองกำลังบูรพา ได้กำหนดมาตรการควบคุมพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดบริเวณพื้นที่ชายแดน และการป้องกันลักลอบกระทำผิดกฎหมายต่างๆ โดยไม่อนุญาตให้รถเข็นคนเดิน (ตั้งแต่ 2 ล้อขั้นไป), รถจักรยานยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนราชอาณาจักรกัมพูชา และรถจักรยานยนต์ ดัดแปลงทุกประเภท ของกัมพูชา เข้ามาในราชอาณาจักรไทย บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี๋ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ โดยให้หน่วยที่รับผิดชอบ บังคับใช้มาตรการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. เวลา […]

ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระ-แม่ชี ขึ้นปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 23 มิ.ย.-มาแบบไหนอีก ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระสงฆ์ แม่ชีนับพัน ขึ้นปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ หลังจากมีคณะปั่นจักรยานไทยเข้าทำกิจกรรมที่ปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อย่างคึกคัก และมีชาวไทยจากหลายพื้นที่แห่เที่ยวให้กำลังใจทหารแนวหน้า หลังมีข่าวทั้ง 2 ฝ่ายประกาศปิดด่านเพิ่ม ขณะที่ฝั่งกัมพูชา ก็ตอบโต้ฝ่ายไทยอย่างไม่ลดละ มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.68) ตลอดทั้งวัน มีชาวบ้าน พระสงฆ์ และแม่ชี นับพันคนขึ้นมาเที่ยวบนตัวปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารไทยต้องคุมเข้มอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ทำผิดเงื่อนไข ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เตรียมลงพื้นที่ให้กำลังใจกำลังพล และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย.-715.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ วางขายโจ๋งครึ่ม

ทำเนียบ 23 มิ.ย.-รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ ล่อใจเยาวชน ทำคล้ายยาดม ลูกอม วางขายโจ๋งครึ่ม ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เตือนผู้ปกครองเข้าถึงเยาวชนง่าย อันรายถึงชีวิต นายอนกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการ ในการจับกุมยาเสพติดและสารเสพติดในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจไซเบอร์และส่วนราชการอื่นๆ ให้ดำเนินการจับกุมและปราบปรามให้เข้มข้นขึ้น โดยสถานการณ์และสถิติการใช้ยาเสพติดในไทย ปี 2568 แม้ภาครัฐจะดำเนินมาตรการปราบปรามและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและจำหน่าย รวมถึงบำบัดผู้ติดยาเสพอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยยังคงเป็นภัยเงียบที่สร้างปัญหาและทำลายเศรษฐกิจและประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยแรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ นายอนุกูล กล่าวว่า จากข้อมูลผลการติดตาม เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์อันตรายต่อสุขภาพของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้พบสารเสพติดพันธุ์ใหม่ กลายพันธุ์แปลงร่าง ปรับรูปแบบหน้าตาผลิตภัณฑ์ให้สวยงามน่ารักมากขึ้น โดยผลิตเลียนแบบลูกอม ปรุงรสชาติผลไม้ และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงามสดใส มีดีไซน์คล้ายกล่องขนม ดูยากขึ้น จนแยกไม่ออกว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสพติด หรือกล่องขนม ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในไทย โดยวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยในแพลตฟอร์มออนไลน์ ราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์อันตรายที่พบมีดังนี้1.บุหรี่ไฟฟ้าพันธุ์ใหม่ GEN 6ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้ดูเหมือนยาดมแท่งจนแยกไม่ออก มีการโฆษณาว่าคล้ายยาดม แต่มีส่วนผสมเป็นนิโคติน 3-5% โดยรู้จักในชื่อ พอดจมูก พอดยาดม สูบได้ทั้งทางจมูกและทางปาก […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ผบ.ตร.ยันเอาผิด “ฮุน เซน” ได้หรือไม่ขึ้นกับพยานหลักฐาน

23 มิ.ย. – ผบ.ตร. ระบุสอบสวนปมคลิปเสียง “ฮุน เซน” อาจเชิญนายกฯ ไทย ขึ้นอยู่กับดุลพินิจพนักงานสอบสวน ส่วนการดำเนินคดีเอาผิด “ฮุน เซน” ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และอดีต ผบ.ตร. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา (อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา) ในความผิดต่อกฎหมายไทย ว่าก่อนหน้านี้ทางเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เดินทางมาเพื่อขอให้ดำเนินคดีกับผู้นำของประเทศกัมพูชา ตนเองเชื่อว่าทั้งหมดมีความรักชาติ รักแผ่นดิน จึงมีการนำข้อมูลมามอบให้กับตำรวจ แต่ต้องยอมรับว่า 2 กรณีเป็นคนละเหตุการณ์ และเกิดในพื้นที่แตกต่างกัน ย้ำตำรวจไม่หนักใจ และได้สั่งการให้หน่วยงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เกี่ยวข้องนำเรื่องไปพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจเพื่อนำมาเสนอกลับให้ตนเอง การที่มีหลักฐานต่างๆ ยิ่งเป็นเรื่องดี เพื่อยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำตามหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ต่อให้เป็นเรื่องนอกราชอาณาจักร ส่วนจะมีการสอบปากคำในส่วนของผู้ถูกกล่าวถึง อย่างสมเด็จฮุน เซน ด้วยหรือไม่นั้น การจะเอาผิดได้หรือไม่อยู่ที่การสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน แต่เบื้องต้นต้องสอบสวนในส่วนของผู้กล่าวหาก่อน ส่วนข้อมูลของอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะสามารถเอาผิดผู้นำประเทศกัมพูชา ได้หรือไม่ต้องเป็นการพิจารณาของพนักงานสอบสวนก่อนเช่นกัน ส่วนกรณีที่นายสมคิด เชื้อคง […]

นายกฯ สั่งเข้มปราบแก๊งคอลฯ ลุยสกัดตามแนวชายแดน

ทำเนียบ 23 มิ.ย.- นายกฯ เรียกถกมาตรการแก้อาชญากรรมข้ามชาติ สั่งทุกฝ่ายเข้มปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่อเนื่อง หลัง UN ชี้กัมพูชาเป็นอาชญากรรมไซเบอร์ระดับโลก ย้ำสกัดตามชายแดนต่อเนื่อง เผยกัมพูชาเสียรายได้ 30,000 ล้านบาท ลั่นเขาเสียรายได้เท่าไหร่ สะท้อนประชาชนเราปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ,นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม, นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และตัวแทนกองทัพ รวมถึงหน่วยงานด้านความมั่นคง เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย นายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนการประชุม ว่า ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม ความเชื่อมั่นของประเทศในระดับนานาชาติ รัฐบาลได้ดำเนินการเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว และเห็นผลเป็นอย่างมาก โดยการปราบปรามของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำให้คดีของการฟ้องร้องเรื่องการถูกหลอกจากคอลเซ็นเตอร์ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ตามที่สหประชาชาติมีข้อสรุปบอก […]

กัมพูชาประท้วงไทยกรณีแจ้งดำเนินคดี ‘ฮุน เซน’

พนมเปญ, 23 มิ.ย. – กัมพูชายื่นเรื่องร้องเรียนทางการไทย หลังไทยแจ้งดำเนินคดีกับนายฮุน เซน นอกจากนี้ยังมีคำเตือนพลเมืองให้หลีกเลี่ยงการเดินทางมาประเทศไทยด้วย กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาได้ส่งบันทึกทางการทูตที่มีถ้อยคำแข็งกร้าวถึงสถานทูตไทยในกรุงพนมเปญเพื่อประท้วงกรณีที่นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้เอาผิดกับนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาและอดีตนายกรัฐมนตรี กรณีปล่อยคลิปเสียงสนทนากับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยระบุว่าการปล่อยคลิปเสียงเป็นภัยต่อความมั่นคง และสร้างความแตกแยกในหมู่คนไทย กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาระบุว่า ต้องการเน้นย้ำว่าบันทึกการสนทนาระหว่างผู้นำประเทศถือเป็นมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างหลักประกันด้านความถูกต้องแม่นยำและโปร่งใส และว่าการแจ้งดำเนินคดีของนายสมคิดเป็นการกระทำที่มีแรงจูงใจทางการเมืองซึ่งจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างไทยกับกัมพูชา และยังทำลายหลักการความเสมอภาคของอธิปไตย ตลอดจนความเคารพซึ่งกันและกันตามที่บัญญัติไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ พร้อมกันนี้กัมพูชาขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยใช้มาตรที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขและป้องกันการกระทำใดๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ฉันมิตรอันยาวนานระหว่างไทยกับกัมพูชา อีกด้านหนึ่ง กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาได้ออกคำเตือนพลเมืองของตนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย เว้นแต่จะมีความจำเป็นจริงๆ เท่านั้น และขอให้ชาวกัมพูชาที่อยู่ในไทยติดตามข่าวสารจากทางการอย่างใกล้ชิด และให้หลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงอันตราย เช่น พื้นที่ทีการชุมนุมทุกชนิดเพื่อความปลอดภัย ส่วนกระทรวงเหมืองแร่และพลังงานของกัมพูชาก็ออกมายืนยันว่า กัมพูชามีขีดความสามารถในการจัดหาเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติได้เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศอย่างแน่นอน หลังจากที่นายฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรี ประกาศห้ามนำเข้าน้ำมันและก๊าซจากไทยทั้งหมด ซึ่งมีผลตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมา.-816.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 รอฟังนายกฯ ยกระดับชายแดนไทย-กัมพูชา

กองทัพบก 23 มิ.ย.-มทภ.2 เผยรอฟังนายกฯ ยกระดับมาตราการชายแดนไทย-กัมพูชาหรือไม่ ชี้อนาคตหากสู้รบ ต้องปิดด่านตลอดแนว ขอคนไทยสามัคคี ในห้วงประเทศวิกฤติ ขอให้มั่นใจทหารอยู่เคียงข้างประชาชน ชายแดนไทยเราปลอดภัยแน่นอน พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวภายหลังการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกโดยมี พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานการประชุมว่า สำหรับเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ผบ.ทบ.ท่านนั้นเชื่อมั่น กองทัพภาคที่2 ในการทำหน้าที่อยู่แล้ว โดย ผบ.ทบ. ได้เน้นย้ำในเรื่องความรักความสามัคคี มุ่งมั่นในการทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และดูแลประชาชนตามแนวชายแดนให้ดีที่สุด เมื่อถามว่าได้มีการทำความเข้าใจกับประชาชน ที่ไปทำกิจกรรมหรือทำสัญลักษณ์แสดงความรักชาติในพื้นที่ หรือไม่เพราะอาจจะเกิดเหตุการณ์เผชิญหน้ากับประชาชนชาวกัมพูชา โดย พล.ท.บุญสิน ระบุว่าเรื่องนี้เราได้มีการชี้แจงมาโดยตลอดการอนุญาตให้ประชาชนได้ขึ้นไปในพื้นที่ต่างๆ เป็นไปตามห้วงเวลาและจะมีการประสานแจ้งให้อีกฝั่งรับทราบเช่นกัน เมื่อถามว่ากรณีที่ทางฝั่งกัมพูชาได้มีการเพิ่มกำลังและอาวุธหนักเข้าพื้นที่เพิ่มเติมขึ้นนั้น พล.ท.บุญสิน ระบุว่า ก็ไม่มีปัญหาเรื่องการทหารถือเป็นการชิงความได้เปรียบ ซึ่งเราพร้อมอยู่แล้วที่จะดูแลสถานการณ์ตามแนวชายแดน และยืนยันว่าไม่มีความประสงค์ที่จะปะทะกันด้วยอาวุธ แต่เป็นเรื่องของยุทธวิธีทางฝั่งกัมพูชา เมื่อถามว่า ส่วนวันนี้ที่นายกรัฐมนตรีได้มีการเรียกหน่วยงานความมั่นคงนั่นอาจมีการยกระดับมาตรการตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาเพิ่มเติมหรือไม่นั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า คงต้องรอให้ได้ข้อยุติจากนายกรัฐมนตรีก่อน ซึ่งขณะนี้ยังไม่รู้ว่าจะออกมาในทิศทางใดนั้น เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดในอนาคตว่าอาจต้องปิดด่านชายแดนไทยกัมพูชาตลอดนั้น แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า […]